ทุกวันนี้กรุงเทพไม่เพียงแต่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลก แต่ยังเป็นทำเลทองและศูนย์รวมร้านอาหารแบบ Fine Dining ชั้นยอดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของ Asia อีกด้วย เมืองหลวงของไทยแห่งนี้จึงเป็นเสมือนหนึ่งในสังเวียนชั้นนำของวงการอาหารโลก ที่เชฟมากฝีมือต่างเดินทางมาเยือนสักครั้ง เพื่อพิสูจน์ความยอดเยี่ยมในการปรุงอาหารให้นักชิมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลกได้สัมผัส การสร้างสรรค์อาหารด้วยเทคนิควิธีการพิเศษและการเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดมาทำอาหาร คงไม่เพียงพอต่อการแข่งขันในสังเวียนกรุงเทพแห่งนี้เสียแล้ว รูปแบบหน้าตาอาหารที่แตกต่างและเรื่องราวอันเป็นแรงบันดาลใจของอาหารแต่ละจาน จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เชฟต่างนำมาใช้เป็นจุดขายของอาหารและห้องอาหารของเขา
วันนี้ Great Gastro จะพาท่านไปเยือนห้องอาหารแห่งหนึ่ง ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งเรื่องของคุณภาพอาหาร การบริการ และแรงบันดาลใจที่ส่งมอบผ่านอาหารทุกๆจานจนเราสามารถสัมผัสได้โดยง่าย ณ ห้องอาหาร Elements แห่งโรงแรม The Okura Prestige Bangkok
Elements ตั้งอยู่บนชั้น 25 ของ โรงแรม The Okura Prestige Bangkok โรงแรมที่นำเสนอการบริการชั้นยอด หรูหรา ในแบบฉบับที่ประณีตงดงามสไตล์ญี่ปุ่น ห้องอาหารถูกออกแบบให้มีบรรยากาศที่หรูหราและผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน ด้วยการใช้วัตถุดิบธรรมชาติดั้งเดิม (Raw Material) มาใช้ในการตกแต่ง เช่น พื้นและเพดานที่ใช้ไม้แบบไม่ขัดสี โต้ะที่ทำจากหินอ่อนสีดำทั้งแผ่น ผนังที่ตกแต่งด้วยถ่านสกัดเป็นก้อน ซึ่งนอกจากจะสวยงามแปลกตาแล้ว ยังใช้ช่วยในการดูดกลิ่นควันจากการประกอบอาหาร เนื่องจากห้องครัวของ Elements เป็นครัวแบบเปิดที่แขกสามารถรับชมขั้นตอนการปรุงอาหารที่ละเอียดละออ และ พิถีพิถันได้ทุกขั้นตอน
ตัวร้านอาหารยังมีส่วนของ Alfresco Dining ซึ่งเป็น Outdoor Terrace ที่ท่านสามารถนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมวิวกรุงเทพจากใจกลางย่านเพลินจิตได้อย่างเต็มที่ อีกด้านหนึ่งเป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ซึ่งสร้างยื่นออกมานอกตัวอาคาร ทำให้ส่วนของระเบียงด้านนอกนี้ไม่มีกำแพงใดๆมาบดบังและเปิดรับลมธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ บริเวณรับประทานอาหารด้านนอกของ Elements จึงให้บรรยากาศไม่ต่างไปจากการนั่งรับประทานอาหารบน Rooftop Restaurant ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษของชาวกรุงเทพ
สำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว Elements มีโต๊ะพิเศษที่เรียกว่าเป็น Chef Table สามารถรูดม่านปิดเป็นห้องรับประทานอาหารส่วนตัวและอยู่ติดกับบริเวณส่วนเตรียมอาหาร ซึ่งนอกจากความเป็นส่วนตัวแล้วท่านยังสามารถรับชมขั้นตอนการประกอบอาหารของเชฟได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย หากท่านต้องการสำรองโต้ะตัวนี้ควรสำรองล่วงหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ในส่วนของอาหารมี Chef Antony Scholtmeyer, Executive Chef ของโรงแรม The Okura Prestige เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งเขานำรูปแบบอาหารซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของวงการ Fine Dining ในยุโรปมานำเสนอให้ชาวกรุงเทพได้ลิ้มลอง ณ ห้องอาหาร Elements แห่งนี้เป็นที่แรก คือ อาหารแบบตะวันตกที่มีกลิ่นอายความเป็นตะวันออกผสมผสานอยู่โดยไม่ทำให้หน้าตาอาหารเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่ง Chef Antony เลือกนำเสนออาหารฝรั่งเศสซึ่งเป็นต้นฉบับ Fine Dining ของโลกและตรงกับคอนเซ็ปต์ของห้องอาหาร มาเติมกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นลงไป โดยเลือกใช้วัตถุดิบชั้นยอดซึ่งมีรูปแบบเฉพาะตัวของญี่ปุ่น กลายเป็นเมนูที่มีรูปลักษณ์แบบฝรั่งเศส แต่มีรสชาติและกลิ่นหอมอันโดดเด่นแบบญี่ปุ่น แค่เล่าคอนเซ็ปต์ให้ฟังก็น่าสนใจแล้ว รอช้าอยู่ใยตามเราไปลิ้มลองอาหารแต่ละจานกัน
เริ่มต้นการบริการด้วยขนมปัง Homemade สูตรเฉพาะที่เสิร์ฟสำหรับแขกที่มารับประทานอาหาร ณ Elements เท่านั้น ตัวขนมปังกรอบนอก นุ่มใน มีรสชาติ และ หอมเนยอ่อนๆ ทานคู่กับเนยแข็งสูตรพิเศษที่ห่อมาในกระดาษบางๆ ประทับตรา Elements เอาไว้ด้านบน ตัวเนยเป็นแบบจืด แต่ช่วยเพิ่มความหอมมันให้กับขนมปังได้เป็นอย่างดี
Amuse Bouche
ต่อด้วย Amuse Bouche ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยวันนี้เป็นข้าวปั้นหน้าปลาทูน่าและไข่ปลาแซลมอน ราดซอสมายองเนสสูตรพิเศษลงไป เพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยสาหร่ายเส้นเล็กๆและงาดำ แล้วห่อด้วยแผ่นแป้งบางๆคล้ายแผ่นกระดาษซึ่งทำมาจากแป้งข้าวตัง เป็นข้าวปั้นหนึ่งคำเล็กๆที่สวยแปลกตาด้วยการใช้องค์ประกอบที่ซับซ้อนทั้งรสชาติ รูปลักษณ์ และ เท็กซ์เจอร์ และเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่บ่งบอกถึงรูปแบบอาหารที่เราจะได้ลิ้มลองกันในวันนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
Hokkaido Scallop Carpaccio
Japanese Herbs – Fresh Wasabi – Soy
อาหารจานแรกเป็นเมนูพิเศษจาก Hokkaido Promotion ที่ท่านสามารถลิ้มลองได้จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม นี้เท่านั้น เป็น Carpaccio (อาหารเรียกน้ำย่อยซึ่งมีต้นกำเนิดใน Italy เป็นเนื้อสัตว์และปลาต่างๆที่ยังสดอยู่ สไลด์เป็นแผ่นบางๆแล้ววางเรียงลงบนจานอย่างสวยงาม) ที่ทำจากหอยเชลล์ตัวใหญ่ยักษ์เนื้อแน่น หั่นเป็นชิ้นหนากำลังดี เมื่อรับประทานจะได้สัมผัสแน่นๆชุ่มฉ่ำ
เพิ่มรสชาติด้วย Iburi-Gakko หรือหัวใช้เท้าญี่ปุ่นรมควันตัดมาเป็นก้านยาวๆ ซึ่งให้รสหวานอ่อนๆ เทกเจอร์กรุบกรอบและมีกลิ่นพิเศษเฉพาะตัว ตามด้วยเนื้อปลา Bonito อบแห้งที่มีรสเค็มอ่อนๆ สไลด์เป็นแผ่นลงไปในจาน เพิ่มความกลมกล่อมด้วยซอสถั่วเหลืองข้นที่หยดประดับลงบนเนื้อหอยเชลล์ ซอสตัวนี้เป็นตัวนำและผสานรสชาติขององค์ประกอบต่างๆเข้าด้วยกัน ก่อนจะปิดท้ายด้วยวาซาบิสด ที่เชฟนำต้นวาซาบิมาฝนลงไปในจานให้เราชมถึงโต๊ะอาหาร วาซาบิตัวนี้จะไม่ฉุนมาก รสชาติจะเผ็ดอ่อนๆไม่รุนแรง
จะเห็นได้ว่าเชฟได้สร้าง Carpaccio จานพิเศษที่ผสานกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นลงไปได้อย่างลงตัว ประกอบกับวัตถุดิบที่เลือกใช้อย่างพิถีพิถันเพื่อไม่ให้มีรสชาติรุนแรงเกินไปจนไปกลบรสดั้งเดิมของเนื้อหอยเชลล์สดๆ
Tasmanian Ocean Trout Confit
Pickled Vegetables – Orange Miso Coulis
เนื้อปลา Trout ที่ตกได้จากมหาสมุทรแถบเกาะ Tasmanian (ได้รับการขนานนามว่าเป็น Wagyu of the Sea ด้วยเนื้อแน่นสีออกแดงชมพูสลับกับชั้นไขมันบางๆ มีความสดชื่นและกลิ่นหอมของท้องทะเลแทรกอยู่ในชิ้นเนื้อ) นำมา Confit (เทคนิคการถนอมอาหารแบบฝรั่งเศส โดยการหมักชิ้นเนื้อกับเกลือและสมุนไพร จากนั้นนำไปต้มในน้ำมันที่ได้จากเนื้อชิ้นนั้นเองด้วยไฟอ่อนๆเป็นเวลานาน และเก็บรักษาไว้ในน้ำมันนั้น)
ได้เป็นเนื้อปลาเทร้ารสเค้มๆมันๆ แกล้มด้วยผักดองหั่นฝอย และ Coulis ซอสสูตรพิเศษที่เป็นพระเอกของจานนี้ ทำจากส้มญี่ปุ่นและซอสมิโซะ รสออกเปรี้ยวอมหวานที่มาพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของส้ม
Scallops Topped with Foie Gras
Shimeji Scanted Miso Consommé
เมนูถัดมาเป็นซุปใสแบบ Consommé รสออกเค็มอ่อนๆหอมกลิ่นมิโซะซอสชัดเจน เชฟจะเสิร์ฟโดยแยกซุปใส่กามาต่างหาก แล้วเทราดลงไปในชามที่มีหอยเชลล์ชิ้นหนานุ่ม เซียร์ผิวหน้าจนเป็นสีน้ำตาลเพื่อให้กลิ่นหอมของเนื้อหอยเชลล์เด่นชัดขึ้นมา
ด้านบนมีฟัวกราส์ที่ทำเป็นแผ่นคล้ายๆคัสตาร์ดหยุ่นๆ มีรสชาติและกลิ่นหอมของฟัวกราส์ชัดเจนแต่ไม่แรงจนเกินไป ก่อนท็อปด้านบนสุดด้วย Bonito สไลด์เป็นแผ่นบางๆ โดยเชฟได้นำเอาเครื่องฝานแบบญี่ปุ่นที่เป็นกล่องไม้ซ่อนแผ่นมีดไว้ตรงกลางมาให้เราชมพร้อมสาธิตวิธีการใช้โดยนำปลา Bonito อบแห้งตัวโตมารูดผ่านกล่องไม้ ชิ้นเนื้อปลาสไลด์จะม้วนอยู่ด้านในลิ้นชักอย่างสวยงาม พร้อมนำไปใช้ได้ทันที
นอกจากนี้ในชามยังมีเห็ด Shimeji ที่มีกลิ่นเฉพาะตัวใส่ไว้ด้วย รสชาติโดยรวมกลมกล่อมดีมาก โดยเฉพาะน้ำซุปกับฟัวกราส์ที่เมื่อตักทานพร้อมกันจะได้กลิ่นหอมพิเศษที่ไม่เหมือนใคร องค์ประกอบอื่นๆยังช่วยสร้างความแตกต่างให้ Consommé ถ้วยนี้มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่โดดเด่นและสัมผัสได้ง่ายสำหรับนักชิมชาวไทยทุกท่าน
Taraba Crab and Uni Gratin
Edamame – Soba
ถัดมาเป็นอีกหนึ่งเมนูพิเศษจาก Hokkaido Promotion หลังจากเมนูที่แล้วเราได้ลิ้มลองหอยเชลล์กันไป เมนูนี้จะเป็นเนื้อปูกันบ้าง กับ เนื้อขาปู Taraba Crab ที่เป็นหนึ่งในสอง King Crab ที่นิยมมากที่สุดของญี่ปุ่น โดยตัวนี้มีราคาสูงกว่าพันธ์ุอื่น ตกอยู่ที่ประมาณตัวละ 2500 บาทเลยทีเดียว
จานนี้เป็นเมนูที่มีรายละเอียดและความพิถีพิถันในการทำสูงมาก เนื่องจากใช้วัตถุดิบหลายชนิด เพื่อให้มีเท็กซ์เจอร์และรสชาติที่หลากหลาย ทั้ง เมล็ดโซบะที่รองอยู่ด้านล่างสุด เป็นเมล็ดเล็กๆสีขาวขุ่นสัมผัสกรุบๆและมีกลิ่นหอมพิเศษคล้ายลูกเดือย เมล็ดถั่ว edamame หรือถั่วแระยักษ์ มันฝรั่งญี่ปุ่นที่ขูดเป็นก้อนกลมๆเนื้อแน่น และที่ขาดไม่ได้คือซอส Uni Gratin ที่ทำจากไข่หอยเม่นผสมกับครีมรสออกเปรี้ยวเล็กน้อย ราดมาบนเนื้อปู Taraba จนทั่ว เป็นอีกหนึ่งเมนูที่นอกจากจะสวยงาม ดูมีลายละเอียดซับซ้อนแล้ว รสชาติและรสสัมผัสยังน่าค้นหาและลิ้มลองเป็นพิเศษ
Crispy Skin Soy Marinated Duck Breast and Confit Leg
Smoked Eggplant – Ginger – Pumpkin – Coriander – Yuzu Jus
เมนู Main Course จานแรกของเราในค่ำคืนนี้เป็น เนื้อเป็ดที่ปรุงมาสองรูปแบบ แบบแรกเป็นเนื้ออกเป็ดตัดเป็นชิ้นใหญ่ๆติดหนัง ตัวเนื้อหอมนุ่มกำลังดีติดหนังกรอบนิดๆ ทานกับฟักทองพูเร่รสออกหวานเข้ากันได้ดี
อีกแบบเป็น Duck Confit ที่ใช้เนื้อส่วนขาไปทำ หนังกรอบเนื้อในนุ่มละมุนเปื่อยยุ่ยละลายในปาก ทานคู่กับซอส Yuzu Jus ที่หอมกลิ่นส้มยูสุชัดเจน รสออกเปรี้ยวอมหวาน นอกจากนั้นในจานยังมี Eggplant รมควัน และต้นผักชีที่วางประดับไว้ข้างจานสำหรับทานแก้เลี่ยนได้
เป็นเมนูไฮไลท์ที่เราแนะนำว่าท่านควรจะลองหากได้มาเยือนห้องอาหาร Elements
Lamb Chops
Fried Shallots – Moromi Miso Butter
เมนู Main Course จานที่สองเป็นเนื้อแกะย่างที่มีกลิ่นหอมพิเศษไม่เหมือนใคร จาก Moromi Miso Butter ที่วางมาบนชิ้นเนื้อร้อนๆที่พึ่งเอาออกมาจากเตาย่าง ตัวเนยที่ทำจากถั่วหมักจะละลายชุ่มฉ่ำลงไปกับเนื้อจนกลายเป็นเนื้อเดียวกับซอสที่อยู่ด้านล่าง
เสิร์ฟมาพร้อมกับหอมทอดเป็นเครื่องเคียง ตัวเนื้อใช้แกะคุณภาพสูง ย่างออกมาได้ดี นุ่มละมุนละลายในปาก ซอสรสออกเค็มอมหวานเล็กน้อย ตัวเนยที่ละลายลงมานั้นนอกจากให้กลิ่นหอมพิเศษแล้วยังช่วยให้เนื้อชุ่มฉ่ำน่ารับประทานอีกด้วย
Matcha Green Tea Crémeux
Black Sesame, Shiso Jasmin Rice Ice Cream
มาถึงในส่วนของของหวาน กับ Crémeux ชาเขียวที่เป็นเนื้อครีมเด้งๆคล้ายๆพุดดิ้ง หอมชาเขียวญี่ปุ่นชัดเจน รสออกหวานครีมๆแบบนม โรยด้วยเยลลี่งาดำ และ ส้มยูสุ ปิดท้ายด้วยไอศกรีมข้าวหอมมะลิญี่ปุ่น ที่มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษรสชาติคล้ายๆลูกเดือย
เสิร์ฟมาพร้อมกับช็อคโกแลตทำเป็นแผ่นบางๆวางมาด้านบนอีกที จานนี้โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมธรรมชาติของชาเขียวและข้าวหอมมะลิญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกับความหวานเนียนๆกำลังพอดี ไม่บาดคอ เป็นเมนูที่ทานได้เพลินๆจนหยุดไม่อยู่
Sudachi and White Chocolate Layered Cheesecake
Almond Cracker, Apricot Pearls
ชีสเค้กเนื้อนุ่มเนียนแบบญี่ปุ่นที่มีรสชาติกลางๆไม่เข้มข้นจนเกินไป รสหวานนำออกนมเล็กน้อย มาจากช็อคโกแลตขาวที่อยู่ชั้นบนสุดของตัวเค้ก ตรงกลางเป็นเนื้อครีมเค็กที่ทำจากส้ม Sudachi ของดีประจำจังหวัดโทะกุชิมะ เสิร์ฟมาพร้อมซอสรสหวานที่ทำจากแอพพริคอท
ปิดท้ายมื้ออาหารกันด้วย Petit Four ที่เป็นช็อคโกแลตหลากหลายชนิด แต่ละตัวมีรสชาติและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์น่าลิ้มลองทุกชิ้น
ทานคู่กับชาร้อนกลิ่นหอมแสนพิเศษซึ่งที่โรงแรม Okura Prestige เลือกเอาชาฝรั่งเศสชั้นยอดอย่าง Mariage Fréres มาให้บริการในทุกห้องอาหารแล้ว
ประสบการณ์การรับประทานอาหาร ณ Elements เสมือนการเดินทางท่องเที่ยวที่พาเราไปเยือนฝรั่งเศสและญี่ปุ่นในทริปเดียวกัน ในบรรยากาศที่ดูเคร่งขรึม หรูหรา แต่ผ่อนคลายและจับต้องได้ง่าย จากการบริการของพนักงานทุกท่านที่คอยให้ความช่วยเหลือตลอดจน ทำหน้าที่เป็นไกด์คอยแนะนำอาหารอย่างละเอียดทุกครั้งที่นำมาเสิร์ฟ อีกทั้งคอยตอบข้อซักถามที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราได้ลิ้มลองรสชาติหรือสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ และที่ขาดไม่ได้คือทีมเชฟที่ปรุงและตกแต่งอาหารทุกจานออกมาอย่างประณีต ทำให้เมื่อจบทริปการเดินทางในครั้งนี้แล้ว เรายังอยากกลับไปร่วมทริปลูกผสม ฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น สุดพิเศษแบบนี้กันอีกครั้งหนึ่ง