ห้องอาหาร Jojo แห่งโรงแรม The St. Regis Bangkok เป็นห้องอาหารอิตาเลียนที่โดดเด่นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติอาหารที่เป็นสูตรดั้งเดิมในสไตล์อิตาเลียนผสานเทคนิคสมัยใหม่ในสไตล์ของเชฟผู้ช่ำชอง บรรยากาศหรูหราคลาสสิคเคล้ากับการตกแต่งแบบร่วมสมัยในบรรยากาศที่อบอุ่น และการบริการชั้นเลิศระดับโลกในแบบฉบับของ The St.Regis ห้องอาหารแห่งนี้จะสร้างความประทับใจให้กับท่านนักชิมชาวกรุงอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการร่วมมือกันของสามผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาเลียน นำโดยหัวหน้าเชฟ Stefano Merlo ที่มีฝืมือเป็นที่ยอมรับมานาน, ร่วมด้วยผู้ช่วยเชฟหน้าใหม่ Michele Bravo, และ ผู้จัดการห้องอาหารคนใหม่ Alice Crocco. ที่จะมาเผยแพร่ศาสตร์และศิลป์แห่งอาหารอิตาเลียนในรูปแบบของ Jojo ให้ทุกท่านได้สัมผัส

Jojo
Jojo

Jojo

Elegant Chic Décor

ห้องอาหาร Jojo ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ของโรงแรม The St.Regis Bangkok ตัวห้องอาหารมีบรรยากาศที่หรูหรา พร้อมทั้งการตกแต่งที่มีสไตล์ตามแบบฉบับของห้องอาหารอิตาเลียนสมัยใหม่ ภายในมีครัวเปิดขนาดใหญ่ที่โดดเด่นด้วยเตาอบพิซซ่าที่ใช้สำหรับอบขนมปัง และ พิซซ่าสูตรต้นตำรับอิตาเลียนแท้ๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ อีกทั้งยังมี Wine Cellar ที่ใช้เก็บไวน์ชั้นยอดหลากลาเบลจากทั่วทุกมุมโลกที่ถูกคัดสรรค์มาเป็นอย่างดีโดย Sommelier ของห้องอาหาร บนฝาผนังประดับประดาไปด้วยภาพถ่ายจากสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศอิตาลี รวมไปถึงประติมากรรมสมัยใหม่ ที่มาพร้อมแสงไฟจากแชนเดอเลียบนเพดานสีเหลืองสรัวๆนวลตา ทั้งหมดนี้ล้วนสร้างบรรยากาศอันหรูหราคลาสสิคแบบอิตาลีที่แฝงไปด้วยความร่วมสมัยและอบอุ่นเป็นกันเอง บริเวณด้านนอกยังมีระเบียงกว้างสำหรับท่านที่กำลังมองหามุมสบายๆไว้พักผ่อนในระหว่างรับประทานอาหาร หรือ ผ่อนคลายไปกับเครื่องดื่มแก้วโปรด

Jojo
Jojo

Tradition with Innovation

วันนี้เราได้กลับมาเยือน Jojo อีกครั้งเพื่อสัมผัสประสบการณ์มื้อค่ำใหม่ ณ Jojo ที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจของเมนูอาหารใหม่โดย Chef Stefano เริ่มให้บริการด้วย Amuse-Bouche ปลุกความอยากอาหารกันก่อน วันนี้เชฟนำเสนอเป็น ครีมถั่วลันเตา แครอทหั่นลูกเต๋า และโฟมมะม่วง เสิร์ฟมาให้ขวดโหลเล็ก ๆ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่สดชื่นให้สัมผัสเบาๆ พร้อมกับขนมปังชิ้นใหญ่ที่เสิร์ฟมาในกระทะเก็บความร้อนคู่กับเนยโฮมเมด ที่ช่วยสร้างบรรยากาศโต๊ะรับประทานอาหารในแบบอิตาเลียนดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี

Jojo
Jojo

ถัดมาเป็นเมนู Polipo con Patate e Olive เมนูอาหารจานแรก เชฟใช้หนวดปลาหมึกยักษ์นำเข้าไปปรุงจนกรอบนอกนุ่มใน ตามด้วย Taleggio Cheese Foam เพิ่มสัมผัสด้วยแผ่นมันฝรั่งทอดกรอบ ครีมมันฝรั่ง และมันฝรั่งต้มสอดไส้พาร์สลีย์ โหระพา และน้ำมันมะกอก เป็นเมนูเปิดมื้ออาหารที่น่าสนใจยิ่ง ด้วยการนำเสนอรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบและสัมผัสที่หลากหลายน่าค้นหา โดยเมนูนี้ยังเข้ากันได้ดีกับ Bisque de Astice e Gamberi ซุปข้นที่ทำจากหัวกุ้ง แครอท หัวหอม กระเทียมต้ม และน้ำมันมะกอก เสิร์ฟโดยใส่ซุปมาในกาแยกมาต่างหาก ก่อนจะราดลงในจานที่มีเนื้อล็อปสเตอร์และเนื้อกุ้งขนาดพอดีคำวางอยู่บน Zucchini Confit วิธีการเสิร์ฟแบบนี้ช่วยให้ซุปตัวนี้น่ารับประทานยิ่งขึ้นไปอีก เพราะจะช่วยให้เราได้กลิ่นหอมของตัวซุปอย่างชัดเจน เมื่อพนักงานค่อยๆเทตัวซุปจากกาลงในชาม

Jojo
Jojo

Polipo con Patate e Olive

Bisque de Astice e Gamberi

ตามมาด้วย Cappelli alla Passata, Guazzeto di Pesce Picante เมนูอิตาเลียนพาสต้าคล้ายๆเกี้ยวรูปทรงหมวก ที่ใช้แผ่นแป้งพาสต้าหนานุ่มมาห่อไส้ที่เป็น Coulis ซึ่งทำจากมะเขือเทศ วางมาบนซอสรสจัดจ้านสองสี สองแบบ สองสไตล์ สีแดงส้มเป็น spicy seafood sauce ที่ทำมาจากอาหารทะเลหลากชนิด และ สีขาวนวลทำจาก burrata cream ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยความเข้มข้นจากชีส

Jojo

Cappelli alla Passata, Guazzeto di Pesce Picante

เชฟ Stefano และเชฟ Michele นำเสนอเมนูหลักที่เอาใจท่านที่ชื่นชอบการรับประทานเนื้อด้วย Guancia di Vitello เมนูที่มีส่วนประกอบหลักเป็นแก้มวัวชั้นดีที่นำไปตุ๋นกับไวน์แดงจนได้เนื้อที่นุ่มละมุนลิ้นละลายในปาก เสิร์ฟคู่กับ Celeriac Puree เนื้อเนียน ตามด้วย Kale และซอสไวน์แดงเลิศรส หากท่านไม่ทานเนื้อ เชฟแนะนำอีกหนึ่งเมนูที่มีรสชาติยอดเยี่ยมไม่แพ้กันอย่าง Maialino da Latte หรือหมูหันสไตล์อิตาลีที่ใช้เนื้อลูกหมูคัดพิเศษส่งตรงจากอิตาลี ที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงอย่างพิธีพิถันจนได้หนังที่กรอบชุ่มฉ่ำกับชั้นไขมันบางๆพร้อมเนื้อหมูนุ่มๆที่มีรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เสิร์ฟมาพร้อมกับ Chestnut Puree ก่อนจะโรยด้วยผงกาแฟรสเข้ม เพิ่มกลิ่นหอมอันหลากหลายและน่าสนใจยิ่งขึ้น

Jojo
Jojo

Guancia di Vitello

Maialino da Latte

อีกหนึ่งเมนูจานหลักที่เชฟแนะนำเป็น Filetto di Cervo เมนูเนื้อกวางนำเข้าเกรดพรีเมียมที่นำมาย่างไฟอ่อนๆ จนสุกได้ที่ เนื้อกวางนุ่ม ๆ มาพร้อมกับกลิ่นหอมเฉพาะตัว เสิร์ฟมาคู่กับ Salsify Puree เนื้อละมุน เพิ่มสัมผัสด้วย Salsify แผ่นทอดกรอบ ก่อนจะตบท้ายด้วย Pomegranate Jus ที่มาช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวอมหวานให้เมนูนี้มีรสชาติที่โดดเด่น หลากหลายยิ่งขึ้นไปอีก

Jojo

Filetto di Cervo

Casa del Dolce

ในส่วนของเมนูขนมหวานนั้น เชฟนำเสนอ Ravioli al Crème Brulee เมนูของหวานอิตาลีแบบดั้งเดิมที่นำ Crème Brulee เนื้อหวานละมุนมาใส่ไว้ในแป้งพาสต้าที่ด้านบนมีการฉาบน้ำตาลแล้วเผาจบกรอบหอม เพิ่มความสดชื่นด้วยซอส Blood Orange รสหวานอมเปรี้ยวที่นำมาราดลงในจานขณะเสิร์ฟ เป็นเมนู Creme Brulee ในรูปแบบที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่ได้รสชาติจัดจ้านครบถ้วนพร้อมสัมผัสแปลกใหม่ที่สนุกสนานกว่าที่เคย อีกหนึ่งเมนูแนะนำเป็นขนมหวานต้นตำรับขึ้นชื่อจากแคว้นซิซิลี อย่าง Cannoli alla Siciliana แป้งกรอบทรงกระบอกยาวสอดไส้ Ricotta Cheese รสหวานหอม เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมอัลมอนด์ ก่อนจะราดด้วยน้ำส้มสดเพิ่มความสดชื่น เป็นเมนูที่ชวนให้เรานึกถึงบรรยากาศอันแสนงดงามของแคว้นซิซิลีในอิตาลี

Jojo
Jojo

Ravioli al Crème Brulee

Cannoli alla Siciliana

หลังจบมื้ออาหารเชฟยังมี Complimentaly Petit Fours ที่เป็นขนมหวานหลากชนิดที่เสิร์ฟมาได้อย่างสวยงาม ปิดท้ายประสบการณ์การรับประทานอาหารอิตาเลียนในแบบของ Jojo ได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าจดจำ

Jojo

Jojo


Jojo

Prodigious Gastronomy of Italy

The St.Regis Bangkok

Lunch : 12:00 – 15:00 hrs.

Dinner : 18:00 – 23:00 hrs.

Direct contact call 02 207 7777

More information or reservation

Contact dining concierge LINE@ : @greatgastro

Reserve Table

MAP