LE DU

Silom soi 7 Bangrak, Bangkok

พบกับห้องอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น ที่ได้นำเอารากเหง้าของอาหารไทยโบราณที่สืบสานต่อกันหลายศตวรรษมาสรรค์สร้างใหม่ผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ทันสมัยแบบสากล จนกลายมาเป็นเมนูอาหารไทยแนวใหม่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร

Ledu_Place

Le Du เป็นห้องอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น ตั้งอยู่ที่สีลมซอย 7 ใกล้ทางออกประตู 4 สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง แบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ด้านใน และด้านนอกซึ่งติดเครื่องปรับอากาศให้คุณรับประทานอาหารอย่างสบายๆ ที่นี่เน้นการตกแต่งที่ให้บรรยากาศของธรรมชาติ มีกลิ่นอายของฤดูต่างๆ  เช่น โซนแจกันดอกไม้สีสันสดใสคล้ายฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน มุมแจกันไม้สีน้ำตาลและโซนผนังไม้ได้อารมณ์เหมือนนั่งชมใบไม้ร่วง และกอหญ้าด้านหน้าที่ให้บรรยากาศของฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำนั่นเอง

[supsystic-slider id=124 position=”center”]

หากต้องการความเป็นส่วนตัว เราขอแนะนำให้คุณเลือกนั่งที่มุมด้านในสุด แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศธรรมชาติๆ มุมระเบียงไม้ด้านนอกเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ที่นี่ยังโดดเด่นด้วยครัวเปิด คุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดท้ายครัว มากไปกว่านั้น ที่นี่ยังมีไวน์คุณภาพมากมาย แนะนำโดยคุณต้น ผู้เป็นทั้ง Executive Chef และ Certified Sommelier ของที่นี่อีกด้วย

LeDu_Chef

เชฟต้น Executive Chef & Certified Sommelier ณ ห้องอาหาร Le Du

chefton ledu2

แรงบันดาลใจในการทำอาหารของเชฟต้นได้มาจากความประทับใจในรสชาติอาหารของคุณยาย  เขาเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อสานต่อความฝันในการเป็นเชฟ และเรียนจบจาก The Culinary Institute of America ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งในชั้นเรียน หลังจากจบการศึกษา เชฟต้นได้มีโอกาสเข้าร่วมงานกับร้านอาหารระดับ Michelin Star ใน New York City อาทิ Eleven Madison Park, The Modern และ Jean Georges นอกจากนี้เขายังมีความสนใจอย่างมากในเรื่องของไวน์ และได้รับใบประกาศนียบัตรของ Sommelier (CS) จากองค์กร the Court of Master Sommelier ขณะที่เขายังอยู่ใน New York City อีกเช่นกัน

Ledu_Cuisine

ห้องอาหารแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารไทยโบราณประจำฤดูต่างๆ เมนูจึงเปลี่ยนใหม่แทบทุก 3 เดือน ซึ่งวัตถุดิบแต่ละอย่างจะคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดในแต่ละฤดูกาล โดยใช้เพียงวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น นำมาสรรค์สร้างและปรุงแต่งด้วยเทคนิคที่ทันสมัยแบบสากล เพื่อให้รสชาติอาหารโบราณเข้าถึงชาวไทย และชาวต่างชาติในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น กลายมาเป็นเมนูอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นที่มีรสชาติและรูปแบบการนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

นับเป็นโอกาสดีในช่วงครบรอบ 2 ปีแห่งความสำเร็จของ Le Du วันนี้ Where To Fin ได้ลิ้มลองเมนูไฮไลท์ ซึ่งที่นี่จะนำเมนูยอดนิยมในแต่ละฤดูมารวมเป็น Special Hightlight Menu ในช่วงสิ้นปีนั่นเอง มาดูกันว่ามีเมนูน่าสนใจอะไรรอคุณอยู่บ้าง นี่คือตัวอย่างเมนูที่เราขอแนะนำให้คุณมาลองรับประทานดูสักครั้ง

Watermelon, yogurt-mint gel, snakehead fish ice cream, shallot snow

LeDu_12

เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ปลาแห้งแตงโม” ของว่างหน้าร้อนของคนไทยโบราณที่ปัจจุบันเราไม่ค่อยได้เห็นได้ชิมสักเท่าไร เมนูนี้หลายคนอาจดูเหมือนว่าจะไม่เข้ากัน แต่มันเข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ รสแตงโมหวานๆเย็นๆ ตัดรสปนเค็มนิดๆของไอศครีมปลาช่อน แปลกใหม่น่าสนใจมาก แถมยังมีหอมแดงที่ทำเป็นเกล็ดน้ำแข็งอีกด้วย เป็นอีกเมนูที่เรียกรสชาติของว่างไทยโบราณกลับคืนมา แต่นำเสนอด้วยรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว

Local Mackerel, chu-chee sauce, pickled grilled leek

LeDu_13

ปลาเป็นตัวแทนของฤดูฝน และนี่คือ “ฉู่ฉี่ปลาช่อนทะเล” ที่ไม่ได้ต้มแบบแกงฉู่ฉี่ เพราะเชฟต้นได้ราดมาเป็นซอสแบบอาหารยุโรป ซอสฉู่ฉี่กับครีมซอสมะกรูดหอมเข้ากันมาก รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟกับต้นหอมย่าง น้ำจากต้นหอม juicy ออกรสหวาน เมนูจานนี้เป็นอีกเมนูเด็ดที่เชฟต้นต้องการนำเสนอเป็นพิเศษ

Chicken, wild mushroom, coconut milk, galangal

LeDu_14

“ต้มข่าไก่” ตัวแทนของฤดูหนาว จะเรียกว่าต้มก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะ Le Du เสิร์ฟเนื้อไก่แบบ dry แล้วค่อยราดซอสต้มข่าไก่ทีหลัง เนื้อไก่นุ่มหอมกลิ่นเนย ซอสข่าไก่เปรี้ยวนำและออกหวานปนเค็มตาม เสิร์ฟคู่เห็ดกระดุมและผักชีฝรั่งทอดกรอบ เห็ดกระดุมอวบอ้วนนิ่มเด้งมาก ส่วนผักชีก็กรอบอร่อย เมนูนี้รสชาติกลมกล่อมออกเปรี้ยวๆมันๆ

Black Sesame Pudding, ginger ice cream, Thai waffle crumble

LeDu_15

ถ้าบอกว่าเมนูนี้คือ “บัวลอยน้ำขิง” จะมีใครเชื่อหรือไม่? Le Du นำงาดำในเม็ดบัวลอยไปสร้างสรรค์เป็นพุดดิ้ง ส่วนน้ำขิงนั้นนำไปปรุงเป็นไอศครีมแทน พุดดิ้งงาดำท็อปด้วยไอศครีมขิงและทองม้วน ตัดกับซอสราสเบอร์รี่เปรี้ยวๆ เป็นหนึ่งเมนูที่ให้สัมผัสแปลกใหม่มากทีเดียว!

เห็นอย่างนี้แล้ว ถ้าคุณอยากก้าวผ่านรสชาติความประทับใจของแต่ละฤดูในค่ำคืนเดียว อย่าลืมหาโอกาสแวะมารับประทานมื้อค่ำที่นี่ดูสักครั้ง โดยคุณสามารถจองโต๊ะที่ Le Du ผ่าน Where To Fin ได้แล้ววันนี้ ที่เบอร์ 02 254 9005 


Map

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมจองโต๊ะกับ Where To Fin โทร 02-254-9005


 [supsystic-slider id=28 ]