กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลตรุษจีนที่ลูกหลานชาวจีนทั้งหลายตั้งตารอคอย ตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวจะได้กลับมาพบหน้ากัน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข และก้าวผ่านค่ำคืนปีใหม่ไปด้วยกัน นอกจากนั้น ตรุษจีนยังเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เริ่มต้นใหม่ พบเจอสิ่งใหม่ๆ ซึ่งห้องอาหาร Man Ho โรงแรม JW Marriott Hotel Bangkok ก็ได้แนะนำให้เรารู้จักกับหัวหน้าเชฟอาหารจีนคนใหม่ Chef Teng Kam Seng ซึ่งมาพร้อมขบวนอาหารจีนสไตล์โมเดิร์นอันน่าประทับใจ นี่เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของร้านอาหารจีนที่อยู่มายาวนานคู่กรุงเทพ เป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ที่น่าติดตาม
Chef Teng Kam Seng เชฟชาวจีนผู้ติด 1 ใน 10 สุดยอดเชฟอาหารจีนในปี 1993 ผู้มีประสบการณ์การเดินทางเพื่อแสดงฝีมือปรุงอาหารจีนต้นตำรับในหลายเมืองทั่วโลกมาแล้ว และเนื่องจากมีประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารชื่อดังมากมายในหลายมณฑลของประเทศจีน ซึ่งรวมถึงไต้หวันและฮ่องกง ทำให้ Chef Teng มีความสามารถในการทำอาหารจีนท้องถิ่นของเมืองต่างๆ เช่น อาหารจีนต้นตำหรับกวางตุ้ง เสฉวน เซี่ยงไฮ้ ไต้หวันและซานตง เป็นต้น นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์ในการทำงานในหลายประเทศแถบเอเชีย อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา ทำให้เขาสามารถนำเสนออาหารที่มีรูปแบบการตกแต่งจานที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะ แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติดั้งเดิมเหมือนต้นตำรับแท้ๆ
วันนี้บุกเข้ามาทานอาหารถึงในครัวกันเลยทีเดียว
เราได้ตบเท้าเข้าครัวไปชม Chef Teng ปรุงอาหารจีนกันสดๆร้อนๆ และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน บอกได้เลยว่า Chef Teng นอกจากจะยิ้มเก่งแล้วยังคุยเก่งอีกด้วย พอได้ถามเกี่ยวกับสไตล์การทำอาหาร เชฟจึงขนเอาขบวนเครื่องปรุงจีนทั้งหมดมาให้ดู พร้อมย้ำให้รู้ว่าเครื่องปรุงดั้งเดิมเหล่านี้แหละ ที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจถึงรสชาติอร่อยตามสไตล์อาหารจีนแท้ๆ หน้าตาอาหารจีนของ Chef Teng จะเป็นอย่างไร… เราลองมาชม 10 เมนูโปรดของเชฟไปพร้อมๆ กันดีกว่า
กุ้งแม่น้ำกับสลัดแตงกวาญี่ปุ่นดองซอสเอ็กซ์โอ (480++ THB)
หอยสังข์ซอสวาซาบิ (750++ THB)
เริ่มต้นด้วย appetizer จานเด็ดจากมณฑลชานตง แถบชานตงเป็นพื้นที่ติดทะเล จึงมักรับประทานอาหารซีฟู้ดกันเสียส่วนมาก เชฟจึงใช้หอยสังข์และกุ้งแม่น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ หอยสังข์ฝานเป็นแผ่นบางๆ ผัดกับถั่วงอกเส้นบาง เติมซอสวาซาบิทำให้ไม่เหม็นคาวและช่วยทำให้รสชาติเฟรชมากขึ้น จานนี้มีรสชาติเค็มออกหวานๆมันๆ ส่วนเมนูกุ้งผัดเข้ากับแตงกวาและซอสเอ็กซ์โอมีรสเผ็ดเล็กน้อย สองจานนี้จัดว่าเป็น appetizer ที่รสชาติไม่อ่อนมาก แถมมีรสสัมผัสกรุบกรอบ ค่อนข้างกระตุ้นต่อมน้ำลายได้ดีทีเดียว
ซุปกังป๋วยตุ๋นก้ามปูน้ำแดง (550++ THB)
เสิร์ฟเนื้อส่วนก้ามปูชิ้นโตบนซุปกังป๋วยสไตล์กวางตุ้ง ความพิเศษของเมนูนี้คือการใช้จุดเด่นของเนื้อปูตัวผู้และตัวเมีย โดยใช้เนื้อก้ามปูจากปูตัวผู้ และเนื้อปูจากปูตัวเมีย ทำให้รสชาติของเนื้อปูแน่นนุ่มได้คุณภาพ สีส้มๆในซุปคือมันปู รสชาติกลมกล่อม รับประทานง่ายและมีสัมผัสของกลิ่นปูหอมชัดเจน
ไก่อบงา (420++ THB)
ไก่อบงาที่เป็นเมนูเด็ดทางใต้ของจีน ไก่ป่าที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงถึงสองวันเต็ม โดยวันแรกจะนำไก่ไปหมักเข้ากับ 5 เครื่องเทศหลักของจีน จากนั้นจึงนำไปตากให้แห้งแล้วนำไปอบในวันถัดมา ทำให้หนังไก่กรอบ เนื้อไก่นุ่ม ตอนเสิร์ฟกลิ่นงาหอมฟุ้งยั่วน้ำลายมาก ซึ่ง Chef Teng ได้เลาะกระดูกออกทำให้ทานได้ฟินยิ่งขึ้น ส่วนใครที่ชอบรับประทานหนังไก่กรอบๆล่ะก็ต้องลอง ยิ่งถ้าทานตรงปีกล่ะก็กรุบกรอบสะใจสุดๆ
หอยเชลล์ไหมทอง (880++ THB)
อาหารจีนแบบ ซื่อชวน สไตล์โมเดิร์น เสิร์ฟสแกลล็อปทอด พร้อมแอสพารากัสและจิงจู่ฉ่ายทอดกรอบ ราดซอสถั่วหอมกลิ่นเนย เมนูนี้ต้องลองทานสแกลล็อปเปล่าๆดู แล้วจะรู้ว่าเนื้อแน่นมาก แต่เคี้ยวๆแล้วเนื้อหอยจะร่วนละมุนในปาก ยิ่งถ้ารับประทานคู่ซอสถั่วหวานๆเค็มๆแล้วล่ะก็หอมอร่อยสุดๆ เป็นอีกเมนูที่เราขอแนะนำให้คุณลอง
ซี่โครงหมูทอดซอสจินเจียง (350++)
ซี่โครงหมูทอดกับจินเจียงวีนีการ์ จินเจียงวีนีการ์นี่เป็นเสมือนปรมาจารย์ของอาหารจินเจียง เพราะมีรสชาติที่เปรี้ยวเข้มข้นแต่กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์มาก เมื่อนำมาปรุงเข้ากับซี่โครงหมู จึงเป็นเมนูหนักๆที่มีรสชาติเข้มข้นถูกปากคนไทยเป็นอย่างยิ่ง ซอสที่เคี่ยวจนหวานเหนียว เนื้อหมูคุณภาพที่นุ่มรับประทานง่าย ยกให้เป็นจานจักรพรรดิของค่ำคืนนี้ไปเลย
ปลาบู่น้ำแดงแบบดั้งเดิม (220++ THB / 100 g)
ไม่ใช่ปลาบู่ทองของคนไทย แต่นี่เป็นปลาบู่น้ำแดงเก๋ไก๋สไตล์จีนๆ เสิร์ฟเป็นฮอตพอตร้อนระอุ เนื้อปลาบู่หั่นชิ้น ผัดกับเห็ดหอม ฟองเต้าหู้และหมูสามชั้น ทำให้เมนูนี้มีรสชาติและรสสัมผัสที่หลากหลาย ทั้งเนื้อปลาบู่หวานๆเคลือบซอสน้ำแดงหอมๆ เห็ดหอมเนื้อเด้ง ฟองเต้าหู้นุ่มละเอียด และหมูสามชั้นเนื้อแน่นพอดีคำ เป็นอีกเมนูที่อาจทำให้คุณหวนย้อนถึงอาหารจานเก่าที่อาม่าปรุงให้
เต้าหู้สดกับเห็ดชิเมจิซอสเป๋าฮื้อ (300++ THB)
เต้าหู้สดท็อปด้วยผักโขม ราดซอสเป๋าฮื้อและเห็ดชิเมจิ เป็นเมนูอาหารกวางตุ้งสไตล์ชีวจิต เชฟเลือกส่วนผสมที่มีมิติแตกต่างกันสองอย่าง อย่างเต้าหู้ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของผักโขม มีสัมผัสนิ่มนุ่มทานง่าย และเห็ดชิเมจิที่มีเนื้อเด้งเคี้ยวกรุบนั่นเอง
เนื้อปลาหมักเต้าซี่ผัดผักกูด (420++ THB)
อาหารจีนทางตอนใต้ที่มีรสชาติอ่อนๆ ตามตำรับอาหารกวางตุ้ง เต้าซี่จะทำมาจากถั่วดำผ่านกระบวนการหมักกับเกลือและอาจมีวัตถุดิบอื่นๆประกอบ มีรสชาติเค็มๆมันๆ กลิ่นหอมนิดๆ เป็นเมนูไลท์ๆเพื่อสุขภาพ ก่อนที่เชฟจะพาเราไปจัดหนักกับข้าวผัดกุนเชียงฮ่องกงจานถัดไป
ข้าวผัดกุนเชียงฮ่องกงกับเผือก (480++ THB)
Chef Teng นำเอากุนเชียงซึ่งมีส่วนผสมของฟัวกราส์ และเผือก มาปรุงข้าวผัดสไตล์กวางตุ้งหอมกรุ่น ซึ่งเชฟทำออกมาได้รสชาติเหมือนอย่างต้นตำหรับที่กวางตุ้งเป๊ะๆ จุดเด่นคือตัวกุนเชียงฮ่องกงที่ไม่เหม็นคาว ทำให้รับประทานแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน เผือกชิ้นเล็กก็ช่วยเพิ่มความหวานหอมให้กับข้าวผัดได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกที่ข้าวผัดนี้จะเป็นเมนูชื่อดังของอาหารกวางตุ้ง ใครยังไม่เคยทานต้องลอง แล้วคุณจะติดใจ
สาลี่ไวน์แดงเห็ดหิมะกับดอกหอมหมื่นลี้ (250++ THB)
ปิดท้ายด้วยของหวานที่จะปลุกความสดชื่นให้คุณก่อนเดินออกจากร้าน สาลี่แช่ไวน์แดงกลิ่นหอม ปรุงด้วยดอกหอมหมื่นลี้หมัก ซึ่งหอมสมชื่อจริงๆ ปกติจะเสิร์ฟเป็นชิ้นๆ แต่วันนี้ Chef Teng จัดจานพิเศษเสิร์ฟเป็นลูกให้ทานจนหนำใจ ตอนแรกคิดว่าจะทานไม่หมดเพราะอาหารรสชาติดีจนไม่อยากเหลือช่องว่างในท้องแล้ว แต่พอได้ตักสาลี่เข้าปาก ความเปรี้ยวอมหวานและความเย็นสดชื่นของเมนูนี้ทำให้รู้สึกกะปรี้กะเปร่าเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายก็ทานจนหมด จบอย่างสวยงาม
