Joseph Drouin Burgundy Wine Dinner

Tables Grill @ Grand Hyatt Erawan

9 ตุลาคม 2558

สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเลิศรสของอาหาร Wine Dinner นับเป็นมื้ออาหารสุดพิเศษที่คุณควรจะลองสัมผัสดูสักครั้ง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักดื่มไวน์ตัวยงหรือผู้แสวงหาความเลิศรสของอาหารก็ตาม เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยสร้างสุนทรียรสให้แก่อาหารได้มากที่สุด การดื่มไวน์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงมาก่อน ได้หล่อหลอมผ่านกาลเวลาจนเกิดเป็นวัฒนธรรมที่มีความละเอียดอ่อนและมีหลักปฏิบัติที่มีรายละเอียดมาก คู่ควรแก่ผู้มีรูปแบบชีวิตที่แสวงหาความสมบูรณ์แบบและรสชาติที่เป็นเลิศ วันนี้ Where To Fin จะนำคุณไปสัมผัสมื้ออาหารที่หรูหราสมบูรณ์แบบที่สุด ณ ห้องอาหาร Tables Grill โรงแรม Grand Hyatt Erawan ที่นำเสนองาน Wine Dinner สุดพิเศษ ด้วยอาหารชั้นยอด ไวน์ชั้นเลิศ และการบริการอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ในราคาที่คุ้มค่า ตลอดเดือนตุลาคม และ พฤศจิกายนนี้

Place

ห้องอาหาร  Tables Grill ตั้งอยู่ที่ชั้น M เหนือล็อบบี้ของโรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok ตัวห้องอาหารได้รับการออกแบบโดย Tony Chi นักออกแบบภายในที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากห้องรับประทานอาหารในปราสาทของยุโรป โดยใช้ไม้สีน้ำตาลธรรมชาติเป็นวัสดุหลักประกอบกับการใช้แสงสีขาวเหลืองช่วยให้ความรู้สึกอบอุ่น ภายในร้านยังมีส่วนของโต๊ะทำอาหารที่เป็น Live Cooking Station สีน้ำตาลทองตั้งอยู่โดยรอบ พร้อมชั้นวางของทำจากกระจกที่ตั้งแสดงเครื่องแก้วและสุราชั้นยอดเป็นเครื่องประดับ เพื่อสร้างบรรยากาศรื่นรมย์ในการรับประทานอาหารทุกมื้อ โต๊ะรับประทานอาหารมีให้คุณเลือก ทั้งแบบสี่เหลี่ยม โต๊ะกลม พร้อมเก้าอี้หนังสีน้ำตาลแบบยุโรปโบราณ หรือกระทั่งโต๊ะพร้อมโซฟาเข้าชุดที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

[supsystic-slider id=73 ]


Cuisine

งาน Wine Dinner ในครั้งนี้ Chef Kevin Kristensen เชฟใหญ่แห่งห้องอาหาร Tables Grill ได้จัดเตรียมอาหารแบบ 5 course ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ทางรสชาติที่หลากหลาย และสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อรับประทานพร้อมกับไวน์ที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้จึงจะได้รสที่ดีที่สุด ด้วยความชำนาญและความปราดเปรื่องในการคิดค้นรสชาติและรสสัมผัสของอาหารให้เข้ากับไวน์ชั้นเลิศ Chef Kevin ได้สร้างสรรค์อีกหนึ่งงาน Wine Dinner ที่ดีที่สุดและสะท้อนหัวใจของ Wine Dinner ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ

 GVG_5764

Chef Kevin Kristensen ผู้สร้างสรรค์อาหารมื้อพิเศษนี้

 

Beverage

สำหรับไวน์ที่ถูกนำมาใช้ในงานวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น  ได้แก่ Joseph Drouhin ไวน์ ฝรั่งเศสชื่อดังแห่ง Burgundy ซึ่งเป็นเลิศในเรื่องของรสชาติที่บริสุทธิ์ อ่อนหวาน นุ่มนวล  และความกลมกล่อมของ สี กลิ่น และ รสชาติ ที่ผสานกันอย่างลงตัวที่สุด ที่ส่งมอบความรื่นรมย์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดให้แก่ผู้ดื่มไวน์แห่ง Maison Joseph Drouhin โดยในวันนี้เราจะได้ลิ้มลอง แชมเปญ 1 ตัว ไวน์ขาว 2 ตัว และ ไวน์แดง 2 ตัว

GVG_5725

1 แชมเปญ 2 ไวน์ขาว 2 ไวน์แดง จาก Joseph Drouhin ที่เราจะได้ลิ้มลองในวันนี้

 

Event

GVG_5795

Menu อาหารสำหรับงาน Joseph Drouin Burgundy Wine Dinner

Joseph Drouhin Burgundy Wine Dinner เริ่มต้นขึ้นเวลาประมาณ 19:00 เมื่อแขกเริ่มทยอยเดินทางมาถึง พนักงานเริ่มต้นให้บริการ course แรก เป็น reception course ที่ให้แขกทุกคนได้พักผ่อน พูดคุย สนทนากันอย่างเป็นกันเอง ในส่วนที่จัดเตรียมไว้สำหรับเป็นที่นั่งพักก่อนรับประทานอาหาร พร้อมเสิร์ฟ Champagne Deutz Brut Classic รสชาติไม่ออกหวานมากนักและกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ดื่มได้คล่องคอ

GVG_5732

เมื่อได้เวลาอันสมควร Champagne Deutz Brut Classic ก็เริ่มเสิร์ฟเป็นการต้อนรับแขกทุกท่านสู่งานในวันนี้

โดยทานคู่กับ Tasmanian Oyster ที่ราดทับด้วยโฟมแตงกวาเนื้อบางๆที่มีกลิ่นหอมของ คื่นฉ่ายฝรั่ง (Celery) และ Granny Smith Apple กลิ่นหอมสดชื่นจากเนื้อโฟมช่วยดับกลิ่นของหอยนางรมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อทานคู่กับแชมเปญแล้วกลิ่นและรสของแชมเปญจะส่งเสริมให้รสชาติของหอยนางรมกลมกล่อมขึ้นและหอมหวานยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย นับได้ว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยชั้นยอดที่เตรียมคุณเข้าสู่อาหาร course ต่อไปได้อย่างดีเยี่ยม

 [supsystic-slider id=74 ]

เมื่อแขกเริ่มมาพร้อมกันแล้ว พนักงานจึงเชิญไปยังโต้ะอาหารเพื่อเริ่มรับประทานอาหาร course ถัดไป เมื่อนั่งพร้อมกันที่โต้ะ พนักงานเริ่มให้บริการขนมปังพร้อมกับเนย ซึ่งขนมปังที่นี่รสชาติดีมากและเมื่อทานพร้อมกับเนย home made ที่มีรสออกเค็มยิ่งเข้ากันได้อย่างดี ขณะเดียวกันตัวแทนจาก Joseph Drouhin กล่าวต้อนรับพร้อมแนะนำไวน์ที่เราจะได้ลิ้มลองในวันนี้

GVG_5816

ตัวแทนจาก Joseph Drouin กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและนำเสนอไวน์แต่ละตัว

จากนั้นพนักงานเริ่มให้บริการ course ที่ 2 โดยเริ่มจากเสิร์ฟไวน์ขาวตัวแรก คือ Reserve de Vaudon, Drouhin-Vaudon, Chablis ปี 2013 เป็นไวน์ขาวที่มีรสชาติบางเบากลิ่นหอมสดชื่น รสชาติละมุนละไม ดื่มได้ง่าย

GVG_5812

ทานคู่กับ Scallop ที่เสิร์ฟมาบนเปลือกหอยพร้อมกับถั่วเขียวบดละเอียด แฮม Pancetta และ ขนมปัง Brioche ป่น course นี้เป็นอาหารและไวน์ที่จับคู่กันโดยให้มีรสชาติเบาๆ แต่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของ กลิ่นหอมของหอยเชลล์ กลิ่นสดชื่นแบบผักจากถั่วเขียว และกลิ่นหอมผลไม้จากไวน์

GVG_5827

Course ที่ 3 เริ่มด้วยไวน์ Chassagne-Montrachet, Cote de Beaune ปี 2012 ซึ่งเป็นไวน์ขาวที่มีรสชาติหอมหวานและกลิ่นหอมกรุ่นชัดเจนมาก ถือเป็นไวน์ขาวที่มีรสชาติโดดเด่นแต่ดื่มง่ายคล่องคออย่างไม่น่าเชื่อ

 GVG_5853

เสิร์ฟคู่กับ เนื้อปลาแซลมอน ชิ้นโตย่างพอสุก พร้อมซอสรสออกเปรี้ยวเล็กน้อย โรยด้วยผักชีลาว(Dill) artichoke ทอดกรอบ และ ลูกแพร์ฝานบางๆ เมื่อทานคู่กับไวน์แล้วจะได้รสเปรี่ยวเล็กน้อยจากซอส เนื้อสัมผัสนุ่มๆละลายในปากของเนื้อปลาแซลมอน และเพิ่มความน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยองค์ประกอบอื่นๆ ตัวไวน์ช่วยเพิ่มรสชาติหวานและกลิ่นหอมกรุ่นที่ทำให้ course นี้กลายเป็นจานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของมื้อ

 GVG_5868

Course ที่ 4 เริ่มต้นด้วยไวน์แดงตัวแรก คือ Gevrey-Chambertin, Cote de Nuits ปี 2012 ไวน์ตัวนี้ช่วยปรับประสาทรับรสให้พร้อมสำหรับรสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้นจากบอดี้ที่หนักขึ้น พร้อมรสชาติที่เข้มข้นชัดเจนขึ้น แต่ยังพอดื่มได้คล่องคออยู่ ไม่ทิ้งรูปแบบดั้งเดิมของ Wine จาก Maison Joseph Drouhin ที่เน้นความรื่นรมของการดื่ม

GVG_5888

อาหารที่มาคู่กัน คือ เนื้อไก่ ที่ต้มมาอย่างดีเนื้อไก่อ่อนนุ่มละมุน ถือว่าทำเนื้อไก่ได้ดีมาก เสิร์ฟมาบนครีมซอสและซอสสูตรพิเศษ มาพร้อมกับตับห่านและเห็ดเป็นเครื่องเคียงที่เพิ่มรสชาติของจานนี้ให้หลากหลายมากขึ้น เนื้อไก่รสอ่อนๆที่นุ่มละมุมเข้ากันได้ดีกับรสชาติที่เข้มข้นชัดเจนของไวน์ จานนี้ถือว่าเชฟบาลานซ์รสชาติของไวน์และอาหารเข้ากันได้อย่างน่าประทับใจ

 GVG_5897

Course ที่ 5 เป็นอาหารจานหลักจานสุดท้ายที่เสิร์ฟพร้อมกับไวน์ Vosne-Romanee, Cote de Nuitz ปี 2008 ซึ่งเป็นไวน์แดงที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในบรรดาไวน์ทั้ง 5 ตัว และมีรสชาติเข้มข้นมากที่สุดอีกด้วย

GVG_5937

อาหารที่ทานคู่กันจึงเป็น เนื้อชิ้นใหญ่ ที่ย่างจนด้านนอกสุกจนกรอบแต่ภายในยังคงความสดและมีสีสันออกชมพูแดงอยู่ เสิร์ฟมาพร้อมซอสรสเข้มออกหวาน เค็ม เคียงกับ Swiss Chard หัวผักกาด(Parsnip) และเพิ่มลาเวนเดอร์ให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จานนี้ถือว่าเป็นอาหารปิดท้ายที่มีรสชาติเข็มข้นมาก และ เข้ากันได้ดีกับไวน์ที่มีรสเข้มเหมือนกัน เมื่อทานแล้วรสและกลิ่นยังคงติดอยู่ในปากอย่างชัดเจนมาก

 GVG_5929

Course ของหวาน ปิดท้ายเป็นขนมหวานที่สร้างความประทับใจมาก เนื่องจากอาหารจานก่อนหน้าถือเป็นเมนูที่มีรสชาติและกลิ่นที่เข้มข้นมากจนอดสงสัยไม่ได้ว่าจานขนมหวานจะทำออกมาในรูปแบบไหนเพื่อขจัดกลิ่นและรสเหล่านั้นออกไป แต่ Chef Kevin ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง ด้วย Chocolate ที่มาในรูปลักษณ์ของไอศครีมเข้มข้นรสหวาน เสิร์ฟพร้อมครีมซอส Ganache เพิ่มรสกลมกล่อมด้วย Buttermilk และ กลิ่นหอมจากดอก Verbena รสชาติที่ผสมกันอย่างลงตัวมาพร้อมสัมผัสที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจจากส่วนผสมพิเศษที่แตกกระจายในปาก ช่วยขับให้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมและกลิ่นหอมของขนมหวานจานนี้กระจายไปทั่วปาก ช่วยล้างกลิ่นและรสชาติของอาหารคาวที่ทานมาล่วงหน้าได้อย่างหมดจด นับเป็นการปิดฉากมื้ออาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมนูเลิศรส ไวน์ชั้นยอด และกลิ่นหอมหวนขององค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ จนเราอยากจะยกย่องเมนูขนมหวานจานนี้ให้เป็น “Grand Finale” อย่างแท้จริง

GVG_5955

งาน Wine Dinner ในครั้งนี้จบลงอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนอกจากรสชาติและรสสัมผัสที่รู้สึกได้ด้วยลิ้นและกลิ่นหอมที่รับรู้ได้ด้วยจมูกแล้ว การบริการอย่างยอดเยี่ยมของบริกรทุกท่านก็เป็นอีกองค์ประกอบที่ทำให้งานในวันนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์สุดแสนประทับใจเช่นนี้ได้ด้วยตัวคุณเองกับงาน Wine Dinner ที่จัดขึ้นอยู่เป็นประจำ ณ ห้องอาหาร Tables Grill โรงแรม Grand Hyatt Erawan

 [supsystic-slider id=75 ]

Gallery 1

พิเศษ ในช่วงเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน นี้ คุณสามารถร่วมงาน Wine Dinner ได้ตามรายการด้านล่างนี้

21 ตุลาคม 2558 Spottwoode Estate wine dinner ราคาท่านละ 4,900++ บาท

2 พฤศจิกายน 2558 Domaine Giraud, Châteauneuf du Pape wine dinner ราคาท่านละ 4,900++ บาท

17 พฤศจิกายน 2558 Sustainable Seafood wine dinner with Grosset & Torbreck winery ราคาท่านละ 4,900++ บาท

24 พฤศจิกายน 2558 Gaja wine dinner at Tables Grill ราคาท่านละ 9,999++ บาท

28 พฤศจิกายน 2558 Siro Pacenti, Brunello di Montalcino wine dinner ราคาท่านละ 4,900++ บาท

[supsystic-slider id=76 ]

Gallery 2

 แผนที่

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมสำรองโต้ะสุดพิเศษกับ Where To Fin โทร 02 633 3998 


 [supsystic-slider id=28 ]