ในช่วงต้นเดือน กันยายน ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทีมงาน Great Gastro : Ultimate Dining Experience ได้มีโอกาสกลับไปสัมผัสห้องอาหารไทยที่เป็นหนึ่งในประสบการณ์การรับประทานอาหาร ที่นักชิมชาวกรุงและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องหาโอกาสไปลิ้มลองดูสักครั้ง ห้องอาหารที่เราพูดถึงนั้น คือ Sra Bua by Kiin Kiin แห่งโรงแรม Siam Kempinski นั่นเอง
Sra Bua by Kiin Kiin นำเสนออาหารไทยสไตล์ใหม่ ที่โดดเด่นเป็นหนึ่งในเรื่อง Molecular Gastronomy อันเป็นการประยุกต์ศาสตร์การทำอาหารที่ดัดแปลงมาจากเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับศาสตร์การทำอาหารแบบสร้างสรรค์ ที่ทำให้เกิดประสบการณ์การรับประทานอาหารเหนือความคาดหมายแก่ผู้ทาน โดยนำเมนูอาหารไทยดั้งเดิมมาเปลี่ยนสถานะของส่วนประกอบต่างๆให้แตกต่างออกไปจากเดิมจนดูแปลกตา แต่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วยังคงรสชาติต้นตำรับอันชัดเจนเอาไว้ได้ นับเป็นสีสันใหม่แห่งวงการอาหารและน้อยคนนักที่จะเลือกอาหารไทยมาเสิร์ฟในรูปแบบของ Molecular Gastronomy ได้ดีเฉกเช่น Chef Henrik Yde
ผลงานศิลปะบนจานอาหารทุกเมนูของ Sra Bua by Kiin Kiin ล้วนเกิดขึ้นจากพลังแห่งการสร้างสรรค์ของ Michelin-Starred Chef Henrik Yde Andersen แห่งร้าน Kiin Kiin ณ กรุง Copenhaken ประเทศ Denmark เชฟผู้หลงใหลในรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย และ สามารถนำเสนออาหารไทยในสไตล์โมเดิร์นแต่รักษารสชาติและเสน่ห์แห่งความเป็นไทยเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ในโอกาสที่ Chef Henrik ได้เดินทางกลับมาเยือนกรุงเทพอีกครั้ง เขาได้นำเมนูอาหารชุดใหม่มานำเสนอให้เราได้ลิ้มลองกัน และ พร้อมให้บริการท่านทุกวันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยเสิร์ฟอาหารกลางวันในช่วงเวลา 12:00 – 15:00 น. สำหรับมื้อกลางวันแสนพิเศษที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับ Business Lunch หรือ ท่านที่มองหาประสบการณ์พิเศษระหว่างช่วงพักเที่ยงหรือพักผ่อนระหว่างวัน Shopping ท่านสามารถเลือกสั่งอาหารแบบ A La carte หรือชุดอาหารกลางวันแบบ 3-courses menu ในราคา 1,350++ บาท และ 4-course menu ในราคา 1,500++ บาท สำหรับมื้อค่ำกับที่สุดของประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยที่น่าตื่นตาตื่นใจ ท่านสามารถเพลิดเพลินกับอาหารค่ำแบบ 10-course menu ในราคา 3,100++ บาท
ชุดอาหารค่ำชุดใหม่แห่ง Sra Bua by Kiin Kiin จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น วันนี้เรามีจะพาท่านไปเจาะลึกอย่างละเอียดกันทุกเมนู ถ้าพร้อมแล้วตาม Great Gastro ไปสัมผัส “The Journey” การเดินทางครั้งใหม่ กับ Chef Henrik Yde กันได้เลย
– THE JOURNEY –
Street Food
เริ่มต้นการเดินทางกันด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยสไตล์ Chef Henrik Yde ซึ่งเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของถนนสายอาหารที่เขากำลังจะนำเราไปสัมผัส โดยเลือกนำเสน่ห์ของอาหารไทยริมทาง (Thai Street Food) อันเป็นที่ยอมรับในด้านของรสชาติและความหลากหลาย จนกลายเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญที่ทำให้กรุงเทพกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกอย่างเช่นทุกวันนี้ มานำเสนอในรูปแบบของว่างทานเล่นแบบ Finger Food ที่นำเสนอได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็น ไข่ตุ๋นที่ทำออกมาคล้ายพุดดิ้งโรยด้วยเนื้อปลาหมึกอบแห้งแผ่นบางๆ สะเต๊ะไก่ที่ทำเป็นแผ่นข้าวเกรียบบางๆหยอดซอสสะเต๊ะไว้ด้านบน ไส้อั่วที่ทำมาเป็นชิ้นเล็กๆเสียบไม้คู่กับขิงดอง เมอแรงค์ซีอิ๊วที่เสิร์ฟมาในโหลแก้วที่ใส่เมล็ดธัญพืชไว้จนเต็ม ทานคู่กับซอสโยเกิร์ตวาซาบิ หรือ พล่าหอยเชลล์ที่เสิร์ฟมาในดอกบัว เป็นต้น นอกจากรสชาติที่ชัดเจนและการนำเสนอที่แปลกใหม่สนุกสนานแล้ว ของว่างทานเล่นทุกชนิดยังมีที่มาจากความประทับใจของ Chef Henrik เองนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสอาหารริมทางในกรุงเทพ จนเกิดเป็นแรงบรรดาลใจในการสร้างสรรค์อาหารเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหารที่เรียกรวมๆว่า Street Food ชุดนี้ขึ้นมา
Laksa based on Crab-Crab Cornetto to-Grilled Squid – Oysters Tempura with Misomayo – Coco Scented Towel
หลังจากได้สัมผัสรสชาติของ Street Food กันพอสมควรแล้ว Chef Henrik ก็ได้พาเราไปยังจุดหมายถัดไป นั่นคือท้องทะเลอันสวยงามและมีชื่อเสียงของไทย ที่มาพร้อมกับบรรยากาศริมชายหาดที่สนุกสนาน หลากหลาย มีเอกลักษณ์ อาหารในคอร์สนี้จึงเลือกใช้เนื้อสัตว์ทะเลมาเป็นวัตถุดิบหลัก และ นำเสนอประสบการณ์ริมทะเลที่ถ่ายทอดออกมาผ่านอาหารหลากหลายเมนู เริ่มกันตั้งแต่ Laksa Soup ซุปทะเลน้ำข้นแบบมาเลเซีย ที่รสชาติคล้ายๆต้มยำกุ้งน้ำข้นแต่เผ็ดและเปรี้ยวน้อยกว่า เสิร์ฟมาในกะลามะพร้าวที่เคลือบผิวด้านในไว้อย่างสวยงาม ตัวน้ำซุปซ่อนอยู่ด้านล่างของผืนทรายขาวบริสุทธิที่ทำจากน้ำตาลทรายขาว บนผืนทรายยังประดับด้วยเปลือกหอยแสนสวย มีหลอดปักอยู่ด้านหนึ่งไว้สำหรับดูดน้ำซุปที่อยู่ข้างล่างขึ้นมารับประทาน เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อปลาหมึกย่างหอมกรุ่น รับประทานโดยดิปกับน้ำซอสรสเปรี้ยวหวานออกเผ็ดเล็กน้อยที่เสิร์ฟมาในภาชนะรูปไข่ที่จัดวางเรียงรายมาในรางไม้ เสมือนกับการนั่งรับประทานปลาหมึกปิ้งริมทะเล
ประสบการณ์ริมชายหาดยังไม่จบเพียงเท่านี้ หอยแมลงภู่ชุบแป้งทอดแบบเทมปุระ เสิร์ฟมาพร้อมซอสมายองเนสผสมมิโซะ ที่ให้รสชาติและกลิ่นอายของเนื้อสัตว์ทะเลอย่างชัดเจน เวลาทานเมนูนี้นิ้วมือเราอาจจะเปื้อนน้ำมันจากการหยิบตัวหอยชุปแป้งทอดดิปกับซอส เชฟจึงจัดผ้าเย็นรมควันกลิ่นมะพร้าวมาให้เราเช็ดนิ้วมือด้วย ก่อนจะปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งความชอบของเชฟคือไอศกรีมเนื้อปูเสิร์ฟมาในกรวยแป้งทอดกรอบ Chef Henrik เล่าให้เราฟังว่า ทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวทะเลเขามักจะรับประทานไอศกรีมเพื่อให้ความสดชื่นเสมอ นั่นแหล่ะคือที่มาของไอศกรีมเนื้อปูเมนูนี้ ที่เสิร์ฟมาปิดท้ายคอร์สที่เป็นตัวแทนของประสบการณ์การไปเที่ยวท้องทะเลอันแสนผ่อนคลาย
Salad with Apples and Celery – Marinated Scallops
หลังจากสนุกกับการไปเที่ยวทะเลมาแล้ว คอร์สนี้เชฟ Henrik พาไปลุยสวนกันบ้างกับสลัดคื่นฉ่ายที่มีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะตัวและแอปเปิ้ลที่ขูดเป็นเส้นฝอยๆบางๆที่ให้รสเปรี้ยวหวานสดชื่นชุ่มฉ่ำ ราดด้วยน้ำยำรสเปรี้ยวเผ็ดแบบไทยแท้ๆที่นำเครื่องมาตำกันสดๆข้างโต๊ะอาหาร เสียงครกและสากกระทบกันช่วยสร้างบรรยากาศของครัวไทยในชนบทได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟมาพร้อมกับหอยเชลล์สดเนื้อแน่นที่มีเนยครีมกลิ่นคื่นฉ่ายวางมาด้านบน ช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อมหอมมันยิ่งขึ้น
Tom Ka with Baby Corn and Chanterelles Mushroom Served Hot and Cold
คอร์สถัดมาเชฟพาเข้าครัวไทยไปชิมเมนูอาหารไทยยอดนิยมสไตล์ Henrik กับต้มข่า ที่ไม่ใช้เนื้อสัตว์แต่เป็นข้าวโพดอ่อนและเห็ดซองเทอเรลล์ โดยสำหรับคุณผู้ชายจะเสิร์ฟแบบร้อน ส่วนคุณผู้หญิงจะเสิร์ฟแบบเย็น สะท้อนหลักแนวคิดของไทยโบราณที่สตรีต้องสงบเสงี่ยมวางตัวให้เหมือนน้ำนิ่งไหลเย็นคอยปรนนิบัติผู้ชายที่ต้องกล้าแข็งเป็นนักสู้ฮึกเหิมประดุจเปลวไฟอันร้อนแรง สิ่งที่ยอดเยี่ยมของจานนี้คือแม้จะเสิร์ฟมาในสถานะที่แตกต่างกันแต่เมื่อรับประทานแล้วกลับได้รสชาติที่คล้ายคลึงกันมาก ทั้งรส และ กลิ่น ที่เป็นต้มข่าอย่างชัดเจน นับเป็นเมนูต้มข่าที่กลมกล่อมไม่ธรรมดาทั้งยังแฝงไว้ซึ่งนัยะอันสะท้อนวัฒนธรรมไทยออกมาอย่างชัดเจน
Salt baked Carrot with Tamarind and Lemongrass
ถัดมา Chef Henrik พาเราไปลิ้มลองอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยยอดนิยมที่นับได้ว่าชาวต่างชาติที่มาเยือนเมืองไทยต้องหาโอกาสลิ้มลอง นั่นคือ ผัดไท โดยเล่าย้อนให้เราฟังว่าแท้จริงแล้วเมนูผัดไทนั้นพึ่งถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่สยามเปลี่ยนมาเป็นรัฐไทย ผู้นำประเทศต้องการสร้างเอกลักษณ์ของรัฐขึ้นมา อาหารเองก็เป็นสิ่งหนึ่ง จึงเกิดการคิดค้นเมนูผัดไท ที่นำเอารูปแบบอาหารจากท้องถิ่นในดินแดนสยามเดิมมาสร้างสรรค์เป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวผัดที่มีส่วนประกอบและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย แต่ผัดไท สไตล์ Henrik นั้นไม่ธรรมดา เพราะ เขาเลือกใช้แครอทที่มีรสหวานมาต้มในน้ำเกลือจนสุกนุ่มกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับซอสสูตรพิเศษที่ทำจากน้ำมะขามรสเปรี้ยวและตะไคร้ที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แบบไทย ประดับตกแต่งด้วยผักชีและกลีบดอกไม้เล็กๆอย่างสวยงาม ความมหัศจรรย์ของจานนี้อยู่ที่รสชาติ ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ช่างคล้ายคลึงกับผัดไทอย่างที่เราคุ้นเคยกัน เพียงแต่มีสัมผัสที่นุ่มละมุนละไมยิ่งกว่าผัดไทแบบปกติ
Foie Gras with Ginger and Plum Wine
คอร์สถัดมา Chef Henrik พาเราไปลิ้มลองเมนูที่ทำจากวัตถุดิบหลักแบบตะวันตกอย่าง Foie Gras แต่มีกลิ่นอายแบบไทยและตะวันออกแฝงอยู่เต็มเปี่ยมด้วยโฟร์มซอสที่ทำจาก Plum wine และขิงรสออกเปรี้ยวหวานแต่หอมสดชื่นกลิ่นสมุนไพรจากขิงเป็นพิเศษ เป็นเมนูที่พิสูจน์ว่า Foie Gras สามารถนำมาทำเป็นอาหารรสจัดและกลิ่นหอมชัดเจนได้ดีไม่แพ้เนื้อสัตว์อื่นๆ ภาชนะที่ใช้เสิร์ฟเป็นชามสแตนเลสที่มีมุมโค้งแปลกตา ทำให้เกิดเงาสะท้อนของอาหารบนผิวภาชนะ เกิดเป็นภาพศิลปะที่สวยงามแปลกตา
Lobster served with Kra Chai and Red Peppers
คอร์สก่อนจานหลักเป็นเนื้อกุ้งมังกรผัดฉ่า ที่เล่นกับศิลปะของ Molecular Gastronomy อย่างเต็มที่ กุ้งมังกรเนื้อแน่นราดซอสรสเค็มออกเผ็ดเล็กน้อย วางมาบนจานที่ประดับด้วยข้าวเกรียบที่มีกลิ่นหอมของกระชายและพริกแดง เสริมรสชาติให้ร้อนแรงและชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยซอสรสเผ็ดที่ทำจากพริกแดงหยอดประดับมาบนจาน รับประทานพร้อมกันแล้วได้รสผัดฉ่าที่ร้อนแรงชัดเจน แต่มีเสน่ห์ยิ่งขึ้นกับรสสัมผัสกรอบๆของข้าวเกรียบ
Beef Massaman with Potatoes Five Spice Beef Soup DIY noodles
และแล้วก็เดินทางกันมาถึงจานหลัก Chef Henrik นำเสนอ อาหารอันดับหนึ่งของโลก คือ แกงมัสมั่น ซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงครบครัน ทั้งข้าวหอมมะลิร้อนๆ และน้ำซุปที่เป็น ซุปพะโล้กับเต้าหู้ที่บรรจุมาในเข็มฉีดยา อีกหนึ่งไอเดียสร้างสรรค์ที่รับประทานโดยฉีดเต้าหู้ลงไปในน้ำซุป เนื้อเต้าหู้จะจับเป็นเส้นลอยอยู่ในตัวน้ำซุป ในส่วนของมัสมั่นเนื้อนั้นเสิร์ฟมาแบบแยกส่วนคือ เนื้อนำไปย่างจนผิวออกเกรียมแล้วหั่นมาเป็นชิ้นวางพาดมาบนประดูกชิ้นใหญ่ ก่อนจะราดซอสมัสมั่นรสเข้มข้นลงไปและปิดทับด้านบนด้วยผักอบกรอบ ในจานยังมีมันฝรั่งบดเนื้อเนียนละเอียดมากที่ตักมาเป็นก้อนกลมๆแบบเนย รับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ เป็น มัสมั่นที่แปลกตา แต่รสชาติไม่แปลกใจ ยอดเยี่ยมสมเป็นจานหลักของการเดินทางบนเส้นทางสายรสชาติของ Chef Henrik Yde
Lemon Foam with Thai Basil Sorbet
หลังจากจานหลักจนเริ่มอิ่มท้องเชฟจัดของว่างล้างปากเบาๆก่อนจะไปปิดท้ายกันที่ของหวานกับ ครีมโฟร์มมะนาวและชอร์เบทโหระพา ตัวเนื้อครีมรสเปรี้ยวกำลังดีไม่หนักจนเกินไป ยิ่งรับประทานคู่กับชอร์เบทที่มีกลิ่นหอมสุดพิเศษและสื่อถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจนที่ทำจากใบโหระพา ยิ่งทำให้ของว่างจานนี้หอมสดชื่นเป็นพิเศษ ช่วยล่างปากดับกลิ่นคาวจากอาหารทั้งหมดที่รับประทานมาได้เป็นอย่างดี
“Flower Shop”
Chef Henrik พาเราเดินทางลิ้มลองรสชาติหลากหลายในแบบอาหารคาวมาจนทั่ว เมนูถัดไปจะเป็นของหวานบ้าง โดยนำเสนอความงามที่แตกต่างของฤดูหนาว และ ฤดูร้อน ตัวแรกเป็นเมนูอาหารหวานแบบ Winter ที่จะพาท่านไปสัมผัสความหอมหวานนุ่มละมุนของทุ่งดอกไม้ที่ผลิบานในช่วงที่อากาศหนาวมาเยือน เป็นครีม และ ชอร์เบทกลิ่นดอกไม้ที่หอมสดชื่น รสชาติเบาๆ นุ่มละมุนละไม เมื่อได้สัมผัสรสก็สามารถจินตนาการถึงทุ่งดอกไม้เมืองหนาวทางภาคเหนือของไทยได้อย่างชัดเจน
Peaches with Sticky Rice
มาถึงเมนูขนมหวานประจำฤดูร้อนกับข้าวเหนียวพีช ที่สื่อถึงรสชาติสดชื่นของฤดูร้อนจากความหวานอมเปรี้ยวและกลิ่นหอมของผลไม้เมืองร้อนได้อย่างชัดเจน ข้าวเหนียวมูลและเนื้อลูกพีชถูกจัดวางมาเป็นอย่างดีในถ้วยแก้ว ด้านบนใช้สายไหมกลิ่นพีชวางทับเอาไว้ ก่อนจะเสิร์ฟโดยการเทน้ำเชื่อมกะทิกลิ่นพีชลงไปด้านบนให้สายไหมค่อยๆละลายลงไปเป็นน้ำเชื่อมของข้าวเหนียวและลูกพีชที่อยู่เบื้องล่าง เป็นของหวานปิดท้ายที่รสหวานจัด กลิ่นหอมกลมกล่อมสดชื่น รับประทานแล้วชวนให้ระลึกถึงวันเวลาที่อากาศแจ่มใสท้องฟ้าปลอดโปร่งแบบฤดูร้อน
และทั้งหมดนี้คือการเดินทางครั้งใหม่ที่ Chef Henrik Yde พาเราไปสัมผัสความหลากหลายของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นหอม ซึ่งล้วนสะท้อนความงามทางธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ และ เอกลักษณ์ท้องถิ่นของไทย ผ่านอาหารเพียง 10 คอร์ส ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นอีกครั้งที่ Sra Bua by Kiin Kiin ได้นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารอันทรงคุณค่า และ ควรค่าแก่การสัมผัสลิ้มลองดูสักครั้ง ทั้งกับชาวไทยเอง และ ชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้มาเยือนกรุงเทพ Great Gastro ขอยกให้เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทางอาหารที่ท่านต้องลองดูสักครั้งให้ได้
The New Journey with Henrik Yde
Sra Bua by Kiin Kiin @ Siam Kempinski Hotel Bangkok
Lunch from 12:00 – 15:00 hrs.
3-Course set Lunch at THB 1,350++
4-Course set Lunch at THB 1,500++
Dinner from 18:00 – 23:59 hrs.
10-Course set Dinner at THB 3,100++
MENU