Fine Dining Restaurant-01

การทานอาหารในร้านอาหารแบบ “Fine Dining” นั้นหลายท่านอาจไม่กล้าหรือไม่เคยคิดจะลองสัมผัส เนื่องด้วยราคาที่ค่อยข้างแพงกว่าการทานอาหารในร้านธรรมดา ซึ่งอาจทำให้ท่านพลาดช่วงเวลาที่รื่นรมย์ที่สุดในชีวิตไป จริงๆแล้วราคาอาจแพงขึ้นกว่าปกติเพียงเล็กน้อยแต่ท่านจะมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากร้านอาหารทั่วไปแน่นอน เราลองมาดูกันว่าทำไมท่านถึงควรยอมจ่ายแพงขึ้นอีกสักเล็กน้อย โดยเริ่มจากการทำความรู้จักร้านอาหารแบบ “Fine Dining” ให้ละเอียดยิ่งขึ้นกัน

ร้านอาหารแบบ “Fine Dining” โดยทั่วไปมักหมายถึงร้านอาหารระดับบนที่มีกลุ่มลูกค้าหลักคือผู้มีฐานะดีถึงดีมากและนำเสนออาหารคุณภาพสูงที่สุด ร้านอาหารแบบ “Fine Dining” มักมีบรรยากาศที่เป็นทางการและบริการด้วยเมนูที่มีคุณภาพที่สูงกว่าร้านทั่วไป ในส่วนของเครื่องดื่มจะให้บริการด้วยไวน์คุณภาพสูงและมีให้เลือกมากกว่า รวมถึงมีบริการผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์หรือ Sommeliers ประจำร้าน เพื่อให้คำแนะนำและเสนอไวน์ที่เหมาะกับอาหารแต่ละจานที่สุดกับผู้ทาน นอกจากนี้ยังมักมีกฏข้อบังคับในเรื่อง เครื่องแต่งกายที่เรียกว่า dress code อีกด้วย

ร้านอาหารแบบ “Fine Dining” มี 3 องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า

3

ความเป็นเลิศของอาหารและเครื่องดื่ม

Fine Dining Restaurant-06

อาหารทุกจานมักปรุงขึ้นด้วยวัตถุดิบชั้นยอดหรือหาได้ยาก อาจจะไม่ได้มีเมนูให้เลือกมากมาย แต่รายการอาหารที่มีในเมนูจะน่าสนใจและพิเศษกว่าเมนูในร้านทั่วไป มีร้านอาหารแบบ “Fine Dining” หลายแห่งที่ให้บริการด้วยเมนูอาหารเพียงไม่กี่รายการแต่เมนูเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปทุกวันหรือทุกสัปดาห์เพื่อให้พ่อครัวได้ใช้เฉพาะวัตถุดิบที่สดใหม่อยู่เสมอและตรงตามฤดูกาลมากที่สุด ในเรื่องของเครื่องดื่ม มักให้บริการด้วยไวน์ชั้นเลิศ เครื่องดื่มแอลกอฮอลที่เลือกสรรค์เฉพาะตัวที่ดีที่สุด รวมทั้งมีเก็บสะสมไว้ให้บริการหลากหลายชนิดมาก หลายๆร้านมักจะมีการจับคู่ไวน์เข้ากับอาหารแต่ละจานเพื่อส่งเสริมให้รชชาติของอาหารจานนั้นๆดีที่สุด โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์และเชฟเป็นคนคัดเลือก

 การบริการเหนือระดับ

Service

มาตรฐานการบริการในร้านอาหารแบบ “Fine Dining” จะมีรายละเอียดและความพิถีพิถันมากกว่าร้านทั่วไป ไม่ใช่เพียงแค่รับรายการอาหารและเซิฟอาหารเท่านั้น โดยทั่วไปมักรวมถึง

  • บริการนำไปส่งยังโต้ะอาหาร จัดการเครื่องใช้บนโต้ะให้เหมาะสมกับผู้ทาน รวมถึงการเลื่อนเกาอี้ให้กับผู้ทานเข้าไปนั่ง
  • บริการนำทางไปยังห้องน้ำหรือที่ล้างมือ
  • บริการจัดเรีองเครื่องใช้และเก็บสิ่งของบนโต้ะในระหว่างการเปลี่ยนรายการอาหารบนโต้ะ
  • บริการเก็บและพับผ้าเช็ดปากหากผู้ทานลุกจากโต้ะ เพื่อเตรียมให้ผู้ทานใช้ได้สะดวกเมื่อกลับมารับประทานอาหารต่อ
  • บริการให้ข้อมูลและแนะนำรายละเอียดของอาหารแต่ละรายการโดยไม่มีการอ่านจากลิส
  • บริการเซิฟอาหารโดยเซิฟบนจานรองที่ตั้งอยู่บนโต้ะด้านหน้าของผู้ทาน

การบริการที่มีรายละเอียดสูงนี้ต้องใช้ผู้ให้บริการที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในเรื่องของมารยาทและวัฒนธรรมการทานอาหารและทักษะต่างๆ ผู้ให้บริการนั้นต้องสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ในทุกๆเรื่อง ทุกๆรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับรายการอาหารที่มี รวมทั้งไวน์ที่ให้บริการ อีกทั้งสามารถแนะนำรายการอาหารต่างๆให้ตรงกับที่ผู้ทานต้องการ เรียกได้ว่าผู้ให้บริการไม่สามารถจะละเลยหรือขาดการใส่ใจในรายละเอียดได้เลย

บรรยากาศการตกแต่งที่หรูหรา

Fine Dining Restaurant-04

ร้านอาหารแบบ “Fine Dining” ต้องได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ตั้งแต่โคมไฟระย้า จนถึงชุดเฟอนิเจอร์ที่สร้างขึ้นอย่างปราณีต ในปัจจุบันการตกแต่งของร้านอาหารแบบนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่รูปแบบที่คงไว้ซึ่งความละเอียดปราณีตแบบโบราณ จนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเฟอนิเจอร์ล้ำยุค นอกจากนั้นยังต้องมีอุปกรณ์และโต้ะอาหารที่ประกอบด้วย ชุดจาน ช้อนส้อม เครื่องใช้บนโต๊ะ และแก้วสำหรับเครื่องดื่มแบบต่างๆ ที่ไม่เพียงแต่ต้องครบครัน แต่ยังต้องมาพร้อมกับคุณภาพที่สูงมากด้วย แน่นอนว่าอุปกรณ์บนโต้ะต้องไม่มีการใช้ กระดาษ พลาสติก หรือโฟม ผ้าปูโต้ะถือเป็นสิ่งที่ต้องมีโดยสีสันอาจขึ้นอยู่กับรูปแบบการตกแต่งของแต่ละร้าน องค์ประกอบอื่นๆรวมถึง เชิงเทียน เทียนไร้ควัน และดอกไม้ประดับ เพลงที่เปิดในร้านก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศ ซึ่งเพลงนั้นต้องได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีและเข้ากับรูปแบบของร้านด้วย

Fine Dining Restaurant-03

ด้วยองค์ประกอบต่างๆเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้ต้นทุนในการให้บริการของร้านอาหารแบบ “Fine Dining” สูงกว่าร้านทั่วไป แต่นั่นก็เป็นส่วนประกอบที่ช่วยการันตีความสมบูรณ์แบบในทุกๆมิติของประสบการณ์การรับประทานอาหารในแบบ “Fine Dining” และหากท่านได้ลองสัมผัสแล้ว รับรองว่าท่านหาโอกาสกลับมาทานร้านอาหารในรูปแบบนี้อีกหลายๆครั้งแน่นอน