อาหารจีน เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของชาวไทยเสมอมา ด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์และการเลือกใช้วัตถุดิบที่หลากหลาย ทำให้มีเมนูให้เลือกรับประทานจำนวนมาก อาหารจีนที่คนไทยนิยมมากที่สุดคืออาหารจีนกวางตุ้ง หรือ Cantonese Cuisine ผมและทีม Great Gastro ได้มีโอกาสไปสัมผัสห้องอาหาร China House หนึ่งในห้องอาหารจีนกวางตุ้งที่ดีที่สุดของกรุงเทพ และนำมารีวิวให้ท่านได้ชมกันในวันนี้

China House

ห้องอาหาร China House เป็นห้องอาหารชั้นยอดแห่งโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok หนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยการบริการที่เหนือความคาดหมาย และประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนกลับไปกว่า 140 ปี ห้องอาหาร China House ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าติดกับทางเข้าโรงแรมภายในอาคารสไตล์โคโลเนียลที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ โดยคงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอันสวยงามภายนอกเอาไว้ ส่วนภายในถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหารจีนที่ตกแต่งในสไตล์ Shanghai Art Deco ซึ่งใช้โทนสีดำ-แดงและเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก พร้อมตกแต่งด้วยศิลปะจีนร่วมสมัยที่ตั้งประดับอยู่โดยรอบ

China House

รูปแบบของร้านนั้นค่อนข้างจะแตกต่างจากห้องอาหารจีนทั่วไป ซึ่งจะสังเกตได้ตั้งแต่ตรงบริเวณทางเข้าที่เป็นประตูบานเล็กขนาดไม่ต่างจากประตูบ้านแบบจีนสักเท่าไรนัก ทำให้เมื่อเข้าสู้บริเวณห้องอาหารจะได้รับความรู้สึกคล้ายกับการไปเยือนบ้านของคหบดีชาวจีนผู้มั่งคั่ง มีโถงต้อนรับเล็กๆบริเวณด้านหน้า เป็นที่ตั้งแสดงรางวัลอันทรงเกียรติที่ห้องอาหารแห่งนี้เคยได้รับ หนึ่งในนั้นเป็นรางวัลการันตีความยอดเยี่ยมของห้องอาหารจีนและเชฟจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งคล้ายกับดาว Michelin Star ของจีน ที่มีร้านอาหารในประเทศไทยเพียงไม่กี่ร้านที่ได้รับรางวัลนี้

 China House

เมื่อเดินผ่านบริเวณนี้เข้าไปจะเป็นโถงกลางขนาดใหญ่เพดานสูงคล้ายโถงกลางของโรงเตี๊ยม ที่จัดเป็นส่วนต้อนรับสำหรับแขกผู้มารับประทานอาหารได้นั่งสนทนาระหว่างรอโต๊ะหรือนั่งพักเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถก่อนเริ่มรับประทานอาหาร ในส่วนของโต๊ะอาหารจะตั้งอยู่รายรอบบริเวณโถงกลางซึ่งมีด้วยกันถึง 2 ชั้น โต๊ะอาหารส่วนใหญ่จะเป็นโต๊ะรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนักสำหรับผู้ร่วมโต๊ะ 2 ถึง 4 ท่าน พร้อมชุดเครื่องใช้สไตล์โมเดิร์น เป็นเครื่องเคลือบสีขาวพิมลายสีดำและแก้วน้ำรูปทรงสวยแปลกตา

 China House

บริเวณชั้น 1 ยังมีส่วนของบาร์เครื่องดื่มที่ตกแต่งด้วยแสงไฟสีน้ำเงิน-เหลืองให้บรรยากาศที่แตกต่างจากส่วนอื่นของร้านที่เน้นการใช้สีแดง-ดำ มีเก้าอี้ทรงสูงตั้งอยู่บริเวณหน้าบาร์สำหรับแขกที่อยากจะนั่งเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มพร้อมสนทนากันในบริเวณนี้

China House

หากท่านมารับประทานกันเป็นหมู่คณะหรือกับครอบครัวใหญ่ China House ยังมีห้องส่วนตัวให้บริการบริเวณชั้น 2 ถึง 3 ห้อง พร้อมโต๊ะกลมขนาดใหญ่แบบจีนที่รองรับแขกได้ถึง 10 ท่าน และห้องขนาดใหญ่หนึ่งห้องที่รับรองได้มากถึง 20 ท่าน

 China House

เมื่อผมได้เดินชมห้องอาหารจนทั่วแล้ว ก็ได้เวลาไปนั่งที่โต๊ะที่เตรียมไว้และเริ่มลิ้มลองรสชาติอาหารชั้นยอดของ China House ซึ่งควบคุมดูแลและสร้างสรรค์โดย Executive Chef Andy Leong Siew Fye เชฟอาหารจีนผู้มากประสบการณ์ เชฟ Leong ประจำอยู่ที่ China House มาเป็นเวลานานแล้ว เขาเป็นเชฟอาหารจีนซึ่งมีประสบการณ์สูงมากที่สุดท่านหนึ่งของกรุงเทพเลยก็ว่าได้ จากการเดินทางไปศึกษาและทำงานในห้องอาหารจีนชั้นยอดหลากหลายแห่งทั่วประเทศจีน เพื่อศึกษารสชาติต้นตำรับของแต่ละภูมิภาคที่มีรายละเอียดแตกต่างหลากหลาย ทำให้เขาสามารถดัดแปลงเมนูต่างๆได้โดยยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของเมนูต้นตำรับจากภูมิภาคนั้นๆ

China House

Chef Leong มีเมนูอาหารที่เขาคิดค้นดัดแปลงขึ้นเองหลายร้อยเมนู โดยจะสลับสับเปลี่ยนใส่ลงไปในเมนูหลักของ China House ตามช่วงฤดูกาลที่เหมาะสมหรือตามช่วงเวลาที่สามารถหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดมาปรุงอาหารจานนั้นๆได้ และด้วยความเป็น Modern Chinese Restaurant ของ China House ซึ่งให้บริการในรูปแบบของ Fine Dining เมนูอาหารของ China House จึงมีให้เลือกทั้ง A La Carte เมนูที่เป็นอาหารจานใหญ่สำหรับรับประทานร่วมกันและเมนูอาหารจานเล็กๆสำหรับหนึ่งท่านรับระทานที่จัดเป็นชุดเอาไว้ให้ท่านเลือก

 China House

ในวันนี้ผมจะพาท่านไปชิมชุดอาหารกลางวันสำหรับ วันอังคาร – วันศุกร์ ให้บริการระหว่างเวลา 11:30 – 14:30 น. ในราคาเพียงท่านละ 988 บาทถ้วน โดยในอาหารชุดนี้จะประกอบด้วย Unlimited Dim Sum ที่มีเมนูให้เลือกรับประทานแบบไม่อั้นถึง 28 รายการ ซุป 1 เมนู เมนูข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว 1 เมนู และขนมหวาน 1 เมนู ผมจะพาท่านไปเริ่มต้นกันในส่วนของ Soup ซึ่งสามารถเลือกได้จากเมนูที่มีให้เลือก 5 รายการ โดยในวันนี้ผมได้เลือกชิมเมนู ดังต่อไปนี้

China House

ซุปเสฉวนไก่ (‘Szechwan’ hot and sour shredded chicken soup)

ซุปเสฉวนเนื้อเนียน ข้นกำลังดีไม่เหนียวหรือใสจนเกินไป รสเปรี้ยวเจือเผ็ดเล็กน้อยแบบต้นตำรับ ใส่เนื้อไก่ต้มฉีกฝอยเส้นเล็กละเอียดไม่ฝืดคอ รับประทานร้อนๆช่วยปลุกประสาทรับรสได้เป็นอย่างดี

China House 

ซุปผักขมเน้ือปูเยื่อไผ่ (Traditional clear soup with spinach crabmeat and bamboo piths)

ซุปที่ทำจากผักปวยเล้งบดละเอียด สีเขียวสดตัดกับสีขาวของเนื้อปูชิ้นโต ตัวซุปข้นรสชาตินุ่มนวล ไม่เหม็นเขียว รสออกเค็มอ่อนๆไม่บาดคอ มีสัมผัสที่แตกต่างแต่เข้ากันได้อย่างลงตัวของชิ้นเนื้อปูและเยื่อไผ่ที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ

 ต่อกันด้วยติ่มซำ ซึ่งผมสั่งมาลองรับประทานเกือบครบทุกเมนู โดยเริ่มต้นจากส่วนของเมนูของทอดก่อน ดังนี้

China House

ซาลาเปาทอดไส้ใบเตยไข่แดง (Deep fried pandanus and salted egg yolk buns)
ซาลาเปาลูกไม่ใหญ่มากนัก ลงทอดในน้ำมันร้อนๆจนผิวนอกเหลืองกรอบ ด้านในเนื้อแป้งยังนุ่มอยู่ ไส้ครีมใบเตยข้นๆรสออกหวานกับไข่แดงสุกขนาดกำลังพอดี กลิ่นหอมของใบเตยช่วยส่งให้เมนูนี้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวเมนูนี้ผมแนะนำให้ท่านต้องลอง

 China House

พายไก่แอปเปิล (Baked BBQ chicken and apple puffs)
พายรูปสามเหลี่ยมชิ่นพอดีคำ ตัวแป้งด้านนอกเคลือบไข่แดงและโรยงาไว้ เนื้อแป้งกรอบคล้ายขนมเปี๊ยะ ไส้ในเป็นไก่สับผัดกับซอสบาบีคิวรสหวาน มีกลิ่นหอมของแอปเปิลสดอยู่เล็กน้อยสร้างความแปลกใหม่ให้กับเมนูนี้

China House 

(ลำดับเมนูตามภาพเรียงจากซ้ายไปขวา) เผือกทอด (Fluffy taro dumplings ‘Cantonese’ style) เผือกทอดสไตล์จีนกวางตุ้งที่แป้งด้านนอกกรอบไม่แข็งกระด้าง รสของไส้เผือกไม่หวานจนเกินไปและยังออกเค็มเล็กน้อย ไส้ในมีเห็ดหอมสับละเอียดผสมอยู่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเย้ายวนให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น เปาะเปี๊ยะเจ (Deep fried vegetarian spring rolls) แป้งกรอบกำลังดีไม่แข็งจนเกินไป ไส้ในเป็นผักและเห็ดรสออกเค็มเล็กน้อยกลิ่นหอมสดชื่น ทานกับซอสบ๊วยช่วยเพิ่มรสชาติ เปาะเปี๊ยะปูหัวหอม (Creamy crabmeat and onion spring rolls) เปาะเปี๊ยะรูปสามเหลี่ยมให้สัมผัสของแป้งกรอบที่ชัดเจนขึ้นกว่าปกติ ไส้ในเป็นเนื้อปูผัดกับหัวหอมซอยในซอสครีม ให้รสชาตินิ่มนวลครีมมี่คล้ายอาหารฝรั่งเศสแต่ซ่อนกลิ่นของหัวหอมที่สอดแทรกความเป็นจีนลงไป เปาะเปี๊ยะฟองเต้าหู้ไส้กุ้ง (Deep fried prawn in bean curd skin roll) ตัวแป้งใช้ฟองเต้าหู้มาพันรอบไส้ในที่ทำจากเนื้อกุ้งบดละเอียด ทอดในน้ำมันร้อนๆจนตัวฟองเต้าหู้ฟูกรอบ ตัวไส้เนื้อค่อนข้างแน่นทำให้ได้รสชาติของกุ้งที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

China House

(ลำดับเมนูตามภาพเรียงจากซ้ายไปขวา) ขนมผักกาดเจี๋ยนไส้เป็ด (Pan-fried turnip cake with roasted duck) ขนมผักกาดทอดจนด้านนอกเหลืองกรอบ ภายในเนื้อแป้งนุ่มๆ หอมกลิ่นใบผักกาดสด รสกลางๆ รับประทานกับซอสเปรี้ยวเพิ่มรสชาติ ขนมกุยช่ายเจี๋ยน (Wok grilled chive cake) เอาไส้ในของขนมกุยช่ายมาผสมกับเนื้อหมูบดละเอียดปั้นเป็นก้อนเล็กๆลงทอดจนข้างนอกเหลืองกรอบ เนื้อข้างในแน่นๆ รสออกเค็ม มีกลิ่นหอมเหมือนขนมกุยช่าย

China House

ขนมจีบซอสเอ็กซ์โอ (Shrimp and pork ‘siew mai’ dumpling)

ขนมจีบไส้กุ้งผสมหมูบดเนื้อแน่นรสชาติและกลิ่นหอมชัดเจน เพิ่มรสชาติด้วยซอสเอ็กซ์โอราดไปด้านบนของขนมจีบ

China House

ขนมจีบหอยเชลล์หน้าไข่ปลา (Scallops and pork ‘siew mai’ dumpling flavoured with fish roe)

ขนมจีบเนื้อแน่นแต่นุ่มกว่าตัวอื่นเล็กน้อยเพราะมีส่วนผสมของเนื้อหอยเชลล์ด้วย ไส้หอมกลิ่นหอยเชลล์ชัดเจน รสชาติออกเค็มและกลมกล่อมอยู่แล้ว ไม่ต้องจิ้มกับซอสอีก

China House

ฮะเก๋ากุ้ง (Fresh shrimp ‘Har Gow’ dumplings with green pea shoots)

เนื้อแป้งฮะเก๋าหนานุ่ม ไส้ในเป็นกุ้งบดเนื้อแน่นผสมถั่วเขียวเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่น

China House

ฮะเก๋ากุ้งคาเวียร์ (Steamed shrimp and caviar crabmeat dumpling)

ตัวนี้แป้งจะบางกว่าเล็กน้อยและปิดไม่หมดทั้งชิ้น เหลือส่วนหน้าด้านบนไว้โรยเนื้อปูชิ้นใหญ่และไข่ปลาคาเวียร์เพิ่มความหรูหราและรสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น ใครชอบทานคาเวียร์เมนูนี้ต้องลอง

China House

ฮะเก๋าผักรวม (Steamed assorted mushrooms, ear fungus and winter melon dumplings)

เนื้อแป้งหนานุ่ม ไส้ในเป็นผักหลากชนิดสับเป็นเส้นเล็กๆผัดจนสุก ชิ้นผักยังกรอบอยู่ กลิ่นหอมสดชื่น เป็นฮะเก๋าที่ให้สัมผัสที่แตกต่าง

China House

ฮะเก๋ากุ้งมังกร (Steamed lobster ‘Fatt Choi’ dumpling, with spinach)

ฮะเก๋าแป้งบางอีกตัว แต่ไส้ในเป็นเนื้อกุ้งมังกรหรือ Lobster บดกับใบปวยเล้งสับ

China House

เสี่ยวหลงเปาเห็ดทรัฟเฟิล (The China House black truffle ‘Siew Long Bao’)

เสี่ยวหลงเปาแป้งหนาที่ด้านในซ่อนน้ำซุปที่มีกลิ่นหอมละมุนของเห็ดทรัฟเฟิลเอาไว้ ท่านที่ชื่นชอบกลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิล ผมเชิญให้ลองชิมรสชาติของอาหารจีนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมที่เราคุ้นเคยเช่นจานนี้ดู

China House

ลูกชิ้นไก่เป๋าฮื้อน้ำแดง (Steamed abalone and chicken dumpling)

ลูกชิ้นปั้นเป็นก้อนยาวๆ แช่มาในซอสรสหวานจางๆที่มีกลิ่นหอมของเป๋าฮื้อ ตัวไส้ในทำจากเนื้อไก่บดกับเป๋าฮื้อสับ นุ่มหนึบๆ เป็นเมนูที่มีรสสัมผัสพิเศษ

China House

โจ๊กเนื้อปลากับปูอัด (Congee with crab stick and fish fillet)

 โจ๊กเนื้อเนียนละเอียดแบบฮ่องกง รสเค็มอ่อนๆและกลิ่นหอมน่ารับประทาน โรยหน้าด้วยเนื้อปลาและปูอัดเพิ่มรสสัมผัส

China House

ก๋วยเตี๋ยวหลอดเป๋าฮื้อซอสเต้าซี่ (Steamed rice rolls with shredded abalone, and vegetable fermented bean sauce)

อีกหนึ่งเมนูที่คนรักเป๋าฮื้อต้องลอง มาในรูปแบบของก๋วยเตี๋ยวหลอดสอดไส้เป๋าฮื้อสไลด์เป็นชิ้นบางๆ เสิร์ฟมาในซอสถั่วเหลืองและผัก

China House

ซาลาเปาหมูแดง (Honey-glazed roasted ‘Char Siew’ pork buns)

ซาลาเปาแป้งนุ่มๆและไม่หนาจนเกินไป ไส้ในเป็นหมูแดงรสหวานกลมกล่อมทานพร้อมกันกับแป้งจะได้รสชาติที่ลงตัว

China House

ซาลาเปาครีมมะพร้าว (Steamed buns filled with fragrant coconut and egg cream custard)

เมนูซาลาเปาเนื้อนุ่ม ที่พิเศษด้วยไส้ครีมมะพร้าว รสไม่หวานจนเกินไป กลิ่นหอมมะพร้าวชัดเจน ให้ทั้งรสชาติและรสสัมผัสที่นุ่มละมุน

หลังจากลองชิมติ่มซำกันมากว่า 20 เมนู เราก็ต้องยอมแพ้และคงต้องหาโอกาสกลับมาลิ้มลองเมนูที่เหลือกันอีกในครั้งหน้า เพราะเรายังต้องเผื่อพื้นที่สำหรับเมนูข้าวและขนมหวานกันอีก สำหรับเมนูข้าวผมได้ลองชิมดังนี้

China House

ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ผัดกุ้ง (Wok fried flat noodles with shrimps and egg sauce)

ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ในซอสใสเนื้อข้นๆ ผสมเส้นไข่ที่ตีเป็นฝอย กับเนื้อกุ้งชิ้นใหญ่แน่นๆ รสกลมกล่อมในตัว ไม่ต้องปรุงเพิ่ม

China House

ข้าวอบซีฟู้ดสไตล์ฝูเจี้ยน (Braised rice with seafood and vegetable ‘Fu Jin’ style)

ข้าวอบที่มีกลิ่นหอมของฟืนแบบต้นตำรับฝูเจี้ยนแท้ๆ ผัดจนเมล็ดข้าวเคลือบด้วยน้ำมันบางๆกำลังดี ราดหน้าด้วยผักหลากชนิด เห็ดหอม เต้าหู้และกุ้งตัวโต ทานพร้อมกับข้าวได้อย่างลงตัว เป็นหนึ่งในเมนูข้าวผัดที่รสชาติกลมกล่อมน่าประทับใจ

ปิดท้ายวันนี้กันด้วยขนมหวานที่ผมเลือกมาทาน 2 เมนู คือ

China House

พุดดิ้งมะม่วง (Mango and dragon fruit pudding)

พุ้ดดิ้งเนื้อเนียนรสหวานหอมกลิ่นมะม่วงชัดเจน ตัวพุดดิ้งทำจากเนื้อมะม่วงสุกผสมเนื้อแก้วมังกรทำให้รสชาติไม่หวานแหลมจนเกินไป ราดผิวหน้าด้วยซอสครีมเพิ่มความมันและชิ้นมะม่วงสุกน่ารับประทาน

China House

สาคูแคนตาลูป (Chilled cream of coconut, sago pearls with rock melon ball)

แคนตาลูปเนื้อแน่น กับ เมล็ดสาคูนุ่มละเอียดแช่มาในน้ำกะทิที่ปรุงจนมีรสออกหวานจางๆแล้วแช่เย็นจนเริ่มแข็งเป็นเกล็ด เป็นเมนูของหวานปิดท้ายมื้ออาหารมื้อใหญ่ที่เบาๆนุ่มนวลทั้งรสชาติและรสสัมผัส

China House

หลังจากจบมื้ออาหารอันแสนรื่นรมย์ซึ่งผมเองรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ผมก็ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกับ Chef Leong อย่างสนุกสนาน ซึ่งทำให้ผมเห็นถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์เมนูทุกๆเมนูของเชฟ ทั้งวิธีการปรุง การเลือกใช้วัตถุดิบ และการบริการที่คำนึงถึงความพึงพอใจของแขกเป็นหลัก เช่น การที่เขาทราบและจดจำได้ว่าแขกประจำท่านไหน ชอบทานอะไร ในบางครั้งถ้าอาหารที่แขกท่านนั้นชื่นชอบไม่ได้ถูกรวมอยู่ในเมนูของร้าน แต่หากแขกต้องการ เชฟก็สามารถจัดการให้ได้ เป็นต้น

 China House

หากท่านกำลังมองหาร้านอาหารจีนที่มีบรรยากาศสวยงาม สงบ สะดวกสบาย และแตกต่างด้วยการตกแต่งที่นำท่านไปสัมผัสอีกมุมหนึ่งของศิลปะจีนร่วมสมัยที่หรูหรา พร้อมการบริการที่เป็นตำนานจาก Mandarin Oriental Bangkok และ อาหารจีนกวางตุ้งรสชาติต้นตำรับที่นำเสนอในสไตล์ใหม่ด้วยวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ของ Chef Leong แล้ว China House เป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุดสำหรับท่านแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนุ่มสาวที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับมื้ออาหารมื้อพิเศษและอยากรับประทานอาหารจีน

 China House


นอกจาก Unlimited Dim Sum ในวันธรรมดาแล้ว China House ยังมีรายการอาหารพิเศษในช่วงของ Summer Promotion ( 1 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2559 )ให้ท่านมาลิ้มลองได้ ดังนี้

Executive Dim Sum Lunch

ทุกวันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 11:30 – 14:30 น. ราคาท่านละ 588 บาทถ้วน

ให้ท่านเลือกรับประทานติ่มซัม 4 ตัว จากเมนูที่มีให้กว่า 28 รายการ พร้อมซุป ข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว และขนมหวาน อย่างละ 1 เมนู

– Click here for menu –

Special Price for Signature Menu

สำหรับมื้อค่ำ ท่านสามารถสั่งเมนู Small Duck for two ในราคาเพียง 688 บาทถ้วน

และ Signature Peking Duck ในราคาเพียง 1,188 บาทถ้วน

Saturday & Sunday Brunch

ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 11:30 – 14:30 น. ราคาเริ่มต้นท่านละ 1,080++ บาทต่อท่าน

รับประทานสุดยอดเมนูโดย Chef Leong แบบไม่อั้น กับสุดยอด Weekend Brunch อาหารจีนของกรุงเทพ

– Click here for menu –


 Unlimited Dim Sum Lunch

China House at Mandarin Oriental Bangkok

Tuesday – Friday from 11:30 – 14:30 hrs.

Price at THB 988 net per person

– Click Here for Menu –

– Gallery –

More information or request Reservation

Call : 02 254 9005 / LINE@ : @greatgastro 

MAP

Reserve Now





Mr.Ms.Mrs.