ท่านเคยเลือกร้านอาหารเพราะถูกใจในบรรยากาศของร้านไหม? ในโลกของ Fine Dining แน่นอนว่าบรรยากาศและคอนเซ็ปต์ของร้านเป็นหนึ่งในจุดเด่น ที่มักถูกใช้เป็นจุดขายได้ไม่แพ้รสชาติของอาหาร L’Appart แห่งโรงแรม Sofitel Bangkok Sukhumvit ห้องอาหารและบาร์สไตล์อพาร์ทเม้นท์ Baron Haussmann (บารงโอสมานน์) ซึ่งมาพร้อมกับเรื่องราวอันเป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการตกแต่งร้าน
โดยนำเรื่องราวการใช้ชีวิตของสองลุงหลานชาวปารีส (Uncle และ Jonathan, the nephew) มาบอกเล่าผ่านร้านอาหารที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตของชาวปารีสในช่วงเวลาแห่งความหรูหราเฟื่องฟูและวัฒนธรรมร่วมสมัยในศตวรรษที่ 19 ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่ง Great Gastro จะพาท่านไปสัมผัสกันในวันนี้
L’Appart นำเสนอบรรยากาศของอพาร์ทเม้นท์อันหรูหราใจกลางกรุงปารีสของคุณลุงผู้ร่ำรวย ซึ่งต่อมาได้ยกให้หลานชายเพียงคนเดียวเป็นผู้ดูแลต่อ เพื่อเขาจะได้ออกเดินทางตามหาประสบการณ์แปลกใหม่ไปในที่ต่างๆทั่วโลก และในระหว่างการเดินทางนั้นเองคุณลุงก็มักจะส่งสิ่งของต่างๆที่เขาได้สัมผัสหรือพบเจอกลับมาให้กับหลานชาย เพื่อเก็บสะสมไว้ ณ อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้
ห้องอาหาร L’Appart จึงเต็มไปด้วยของสะสมจากทั่วทุกมุมโลก ที่ภายหลังหลานชายได้เปิดอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ให้เป็นที่สำหรับสังสรรค์ในหมู่เพื่อนพ้องผู้ชื่นชอบการสังสรรค์แบบมีสไตล์ โดยผู้ที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงจะได้อิ่มอร่อยไปกับหลากหลายเมนูอาหารที่ปรุงแบบฝรั่งเศสร่วมสมัย โดย Chef Jerome Deconnick เชฟมากฝีมือชาวฝรั่งเศส
เชฟ Jerome ได้เล่าให้เราฟังถึงคอนเซ็ปต์ในการสร้างสรรค์เมนูอาหารที่คงรูปแบบอาหารฝรั่งเศสดั้งเดิมเอาไว้ แต่ปรับการนำเสนอให้ร่วมสมัยในแบบที่ชาวปารีสทั่วไปนิยมรับประทานกันเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้านด้วย โดยปรับรสชาติเล็กน้อยให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น เช่น รสเผ็ด รสเปรี้ยว แทน รสเค็มจัดตามแบบฉบับอาหารยุโรป
“หัวใจของอาหารฝรั่งเศสอยู่ที่การทำซอสที่ผสานรสชาติจากแต่ละส่วนผสมเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม ต่างจากอาหารอิตาเลียนที่เน้นคงรสชาติดั้งเดิมของแต่ละส่วนผสมเอาไว้ สิ่งที่ทุกท่านสามารถคาดหวังได้จากอาหารฝรั่งเศสคือความกลมกล่อมของซอสที่มักผ่านการเคี่ยวเป็นเวลานาน อีกทั้งออกแบบคัดเลือกมาเป็นอย่างดีเพื่อให้เข้ากับอาหารแต่ละจาน รวมไปถึงความพิถีพิถันในการเลือกใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการปรุงเนื้อและอาหารแต่ละประเภทให้สุกในระดับที่เหมาะสม และยังคงคุณค่าทางโภชนาการเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ทุกท่านได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไปในทุกๆ ครั้งที่มารับประทานอาหาร ณ L’Appart”
นอกจากตัวร้านอาหารที่แบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เหมือนอพาร์ทเม้นท์ที่ยังมีคนอาศัยอยู่จริง (พื้นที่ต้อนรับในบริเวณเลาจ์, ห้องสมุด, ห้องรับแขก และห้องส่วนตัวสำหรับจัด private party) อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือบริเวณห้องครัว ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นครัวเปิดซึ่งแขกที่เลือกโต๊ะอาหารในบริเวณนี้ จะสามารถรับชมและพูดคุยกับเชฟถึงกรรมวิธีและขั้นตอนการทำอาหารแต่ละจานได้อย่างใกล้ชิด
หลังจากเราได้เดินชมอพาร์ทเม้นท์ของคุณลุงกันจนจุใจ ก็ได้เวลารับประทานอาหาร มาดูกันว่าวันนี้ Chef Jerome จะนำเสนอเมนูสุดสร้างสรรค์แบบไหนมาให้เราได้ลิ้มลองกันบ้าง
63’C duck egg mollet
(Bordelaise sauce, ventreche, mushrooms)
อาหารจานนี้รูปร่างหน้าตาอาจไม่ต่างจากไข่ต้มธรรมดาทั่วไป แต่ poached egg ที่อุณหภูมิ 63 องศามีทีเด็ดที่ท่านคาดไม่ถึงซ่อนอยู่ Chef Jerome เล่าให้เราฟังถึงเคล็ดลับในการต้มไข่ ที่ต้องใช้อุณหภูมิ 63 องศา และต้มนานถึง 35 นาทีว่า โปรตีนแต่ละประเภทในไข่มีจุดอิ่มตัวที่ต่างกัน ดังนั้น 63 องศา จึงเป็นอุณหภูมิที่ดีที่สุดในการต้มไข่ให้สุกสมบูรณ์แบบ ความสมบูรณ์แบบที่ว่าหมายถึงไข่ขาวเซทตัวเข้าที่แต่ไม่แข็งจนเกินไป เนื้อในยังคงความชุ่มชื้นในขณะที่ตัวไข่แดงสุกกำลังดีเนื้อเนียนละเอียด เมื่อตัดลงไปเนื้อไข่แดงเยิ้มออกมาเหมือนเนื้อครีม เสิร์ฟมาพร้อมซอสเนื้อ รสเค็มผสมกลิ่นหอมจางๆจากไวน์แดง ก่อนปิดท้ายด้วยเห็ดชิ้นใหญ่ที่ช่วยเพิ่มสีสันและรสสัมผัสให้อาหารจานนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อท่านได้ลิ้มลองเมนูนี้ ท่านจะเข้าใจว่ารสชาติของไข่ที่สมบูรณ์แบบ เป็นอย่างไร
Hokkaido scallops and tiger prawns
(citrus salsa, barley, chorizo coulis)
เพิ่มความสดชื่นด้วยเมนูอาหารทะเลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารสเปน Hokkaido Scallop ชิ้นใหญ่เนื้อแน่นและกุ้งลายเสือคัดพิเศษ นำไปย่างให้สุกกำลังดีเสิร์ฟบนซอส chorizo coulis รสเผ็ดอ่อนๆ ก่อนเพิ่มลูกเล่นด้วยข้าวบาร์เลย์ที่มาพร้อมกลิ่นหอมเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ เมนูนี้นอกจากจะให้รสชาติและกลิ่นหอมของอาหารทะเลที่ชัดเจนแล้ว ยังแทรกลูกเล่นด้วยรสสัมผัสหลากหลายและกลิ่นหอมลงตัวจากสมุนไพรแถบทวีปยุโรป
Slow cooked pork tenderloin
(grain mustard, green lentils, cigar jus)
เสร็จจากทะเล มาต่อกันที่จานเนื้อ เมนูสุดคลาสสิกของทางฝั่งฝรั่งเศสกันบ้าง สำหรับจานนี้เชฟเจอโรมเลือกใช้หมูสันในอย่างดี เนื้อนุ่มติดมันเล็กน้อย นำมาแล่เป็นชิ้นหนาและนำไปโรลโดยสอดไส้ด้วยเมล็ดมัสตาร์ทไว้ด้านในก่อนนำไป Sous-vide ให้สุกพอประมาณแล้วนำมาเซียร์บนกระทะเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม เมนูนี้โดดเด่นที่ความหอมนุ่มลงตัวของเนื้อหมูที่เข้ากันได้ดีกับซอสรสเค็มเข้มข้น ตัดรสด้วยความหวานจากบีทรูทผัดเนย เชฟเจอโรมเล่าให้ฟังว่าเนื้อหมูเป็นที่นิยมในครอบครัวชาวฝรั่งเศสเพราะหาทานง่ายและราคาถูก อย่างไรก็ดีเชฟเลือกนำเสนอเมนูประจำบ้านนี้ในรูปแบบที่พิเศษขึ้นโดยเลือกใช้เนื้อหมูอย่างดี นำเสนอผ่านการปรุงและเครื่องเคียงที่ทันสมัยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศอพาร์ทเม้นต์หรูหราของคุณลุงผู้ร่ำรวย
Signature dark chocolate fondant
(Milk ice cream, raspberry)
ปิดท้ายมื้ออาหารแบบปารีเซียงด้วย dark chocolate fondant เมนูขนมหวานคลาสสิกสัญชาติฝรั่งเศสแท้ๆ เค้กช็อคโกแลตเนื้อนุ่มสอดไส้ซอสช็อคโกแลตลาวาเข้มข้น อบใหม่หอมกรุ่นจากเตาทานคู่กับไอศกรีมโฮมเมดรสนมเนื้อเนียน ปิดท้ายมื้ออาหารฝรั่งเศสบนอพาร์ทเม้นท์สุดหรูกลางกรุงปารีสได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อมารับประทานอาหารที่ L’Appart ท่านยังจะได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกที่นั่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้บรรยากาศการรับประทานอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละห้อง ไม่ว่าจะเป็นมุมคลาสสิกในห้องรับแขก มุมส่วนตัวในห้องสมุด หรือถ้าอยากสนุกไปกับการรับชมวิธีการปรุงอาหารระหว่างมื้อก็สามารถจับจองที่นั่งในบริเวณห้องครัวได้ ส่วนท่านที่อยากเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพจากมุมสูงพร้อมจิบค็อกเทลแก้วโปรด ที่นั่ง outdoor บริเวณเลาจ์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะนอกจากอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับ L’Appart ยังมีเมนูค็อกเทลเลื่องชื่ออีกมากมายไว้ให้ท่านได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น Franco Thai ค็อกเทลรสเปรี้ยวที่ผสานความเป็นไทยเข้ากับความหรูหราของฝรั่งเศสด้วยกลิ่นหอมจากตะไคร้และรสเผ็ดจากทาบาสโก้ French Passion ค็อกเทลที่มาพร้อมรสเปรี้ยวของเสาวรสและมะนาว เป็นต้น
หากท่านกำลังมองหาร้านอาหารที่ให้กลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสแท้ๆ ผ่านการตกแต่งอันไร้กาลเวลาที่มาพร้อมวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบร่วมสมัย ต้องไม่พลาดการร่วมรับประทานอาหาร พร้อมกับคุณลุงนักเดินทาง และ หลานชายชาวปารีส ได้ที่ L’Appart ห้องอาหารและบาร์บนชั้น 32 ของโรงแรม Sofitel Sukhumvit Bangkok
GALLERY
L’Appart
Sofitel Bangkok Sukhumvit
Open daily from 19:00 – 22:30 hrs.
L’Appart Lounge for drink from 17:00 – 01:00 hrs.
