ห้องอาหาร Scalini เป็นหนึ่งในห้องอาหารอิตาเลียนที่เป็นที่นิยมมากอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพ ด้วยการตกแต่งที่สวยงามและหรูหราอันได้รับแรงบรรดาลใจจากมหานครนิวยอร์คในยุค Speakeasy ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีชาวอิตาลีอพยพเข้ามาอยู่อาศัยในนิวยอร์ค พร้อมทั้งนำเอาศิลปะวัฒนธรรม รวมทั้งศาสตร์การปรุงอาหารเข้ามาด้วย ห้องอาหาร Scalini ได้นำรูปแบบการตกแต่งอันผสมผสานความสวยงามแบบยุโรปและความร่วมสมัยของนิวยอร์คมาใช้เป็นแรงบรรดาลใจในการสร้างสรรค์และทำให้เกิดเป็นห้องอาหารที่สวยงามและน่าดึงดูด อีกทั้งมีเรื่องราวของยุค Speakeasy ที่น่าสนใจแฝงเอาไว้ในจุดต่างๆด้วย แต่หัวใจหลักของห้องอาหารย่อมหนีไม่พ้นฝีมือการปรุงอาหารซึ่งนำโดย หนึ่งในเชฟอาหารอิตาเลียนที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองมากที่สุดคนหนึ่งของกรุงเทพ Chef Egidio Latorraca
Chef Egidio เป็นเชฟที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง อาหารอิตาเลียนแต่ละเมนูที่สร้างขึ้นมานั้น นอกจากจะมีรสชาติและรสสัมผัสที่น่าสนใจแล้ว ยังตกแต่งจานอาหารออกมาอย่างสวยงามอีกด้วย อีกทั้งมีการพัฒนาและคิดค้นเมนูขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา วันนี้เรากลับไปเยือนห้องอาหาร Scalini อีกครั้งเพื่อลองลิ้มรสเมนูใหม่ ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ชิ้นล่าสุดของ Chef Egidio เราได้ลองชิมอาหารที่น่าสนใจหลายเมนู ซึ่งล้วนแต่มีรสเลิศสมคำร่ำลืมทั้งนั้น จึงขอนำมาเรียนให้ท่านได้ไปลิ้มลอง
Tartar di tonno e salmone
Tartar ที่ทำจากเนื้อทูน่าและแซลมอนสับผสมกับซอสสไตล์อิตาเลียนที่เน้นรสเปรี้ยวของมะนาว ประดับด้วยขนมปัง Ciabatta แผ่นบางๆ และโรยหน้าด้านบนด้วยมะม่วงซึ่งช่วยให้ความสดชื่น รสหวานอมเปรี้ยวช่วยส่งให้รสชาติของ Tartar ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น และยังได้เนื้อขนมปังอบกรอบๆของ Ciabatta มาช่วยให้การทานแต่ละคำน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วย ถือได้ว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่เยี่ยมยอดมากจานหนึ่งทีเดียว
Burrata cremosa con Carciofi e verdurine in agrodolce
เมนูนี้เป็นเมนูที่เคารพในรสชาติดั้งเดิมของอาหารได้เป็นอย่างดี จุดเด่นอยู่ที่ความสดชื่นและเนื้อสัมผัสนุ่มๆของชีส Burrata ที่เสริมด้วยน้ำสลัดรสออกเปรี้ยว รวมทั้งกลิ่นหอมและรสมันๆของ Artichoke เป็นอีกหนึ่งจานที่ดูง่ายๆ แต่อร่อยด้วยการใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงที่สดใหม่ รวมถึงการทำให้รสของน้ำสลัดออกมาพอดีกับวัตถุดิบอื่นๆ ไม่แรงเกินไปจนกลบรสชาติดั้งเดิมของส่วนประกอบต่างๆไป สำหรับท่านที่ชอบ Burrata ชีสที่มีรสออกครีมๆและไม่มีกลิ่นชีสที่รุนแรงแล้ว รับรองว่าท่านจะถูกใจจานนี้แน่นอน

Burrata cheese, pickled baby vegetables and poached artichoke with balsamic syrup and olive oil dressing.
Zuppa Alla Romana
เมนูนี้หน้าตาเหมือนราเม็งในร้านอาหารญี่ปุ่น แต่จริงๆแล้วเป็นอาหารอิตาเลียน ซึ่งวิธีการเซิร์ฟก็ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดี โดยพนักงานจะแยกเอาน้ำซุปใส่กาไว้ต่างหากก่อน จากนั้นจะนำถ้วยที่มีเส้นพาสต้าและเครื่องเคียงเช่น กะหล่ำปลี เห็ดนางรม ไข่ต้ม และ หมูติดมันอบ มาเซิร์ฟพร้อมกับรินเอาน้ำซุปหางวัวร้อนๆจากกาลงไปในถ้วย การเซิร์ฟนี้ทำให้เราได้สูดกลิ่นหอมของซุปหางวัวที่ผ่านการต้มและเคี่ยวเป็นเวลานานจนได้รสหวานหอม เป็นซุปใสที่แปลกตาไปจากซุปตามตำหรับอาหารตะวันตกทั่วไป แต่ยังคงรสชาติแบบตะวันตกเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
Chicche alla barbietola con salsa di gorgonzola e tartufo invernale
เมนูนี้เป็นอีกเมนูนึงที่ภายนอกอาจจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับสปาเกตตี้เมนูอื่นๆ แต่เมื่อได้ลองสัมผัสรสชาติแล้วกลับติดใจและทานได้ไม่หยุด ด้วยรสสัมผัสที่ยอดเยี่ยมของ Gnocchi ที่ปั้นด้วยมือและได้สีชมพูสดใสจากบีทรูท ถึงแม้จะไม่ได้มีรสชาติที่โดดเด่นอะไร แต่การได้ค่อยๆเคี้ยว Gnocchi บีทรูททีละชิ้นๆนั้น มันช่างเพลิดเพลินเสียจริง จนผมอยากให้เชฟจับมันใส่ขวดขายเป็นของว่างทานเล่นไปเลย นอกจากนั้นยังได้กลิ่นหอมของทรัฟเฟิลดำ และรสกรุบกรอบจากถั่วมัคคาเดเมียมาเสริมความอร่อยอีกด้วย

Hand-made beetroot baby gnocchi served with gorgonzola cheese sauce, black truffle shaves and macadamia nuts.
Polipo arrostito con pomodori e patate
นี่เป็นอีกจานที่ให้รสสัมผัสที่เหนือความคาดหมายมาก ปลาหมึกยักที่ผ่านการอบแบบพิเศษ ถูกเปลี่ยนจากกรอบนอกนุ่มในเป็น ความนุ่มละมุนละไมเป็นเนื้อเดียวกันหมดของปลาหมึกยักแต่ละชิ้น นอกจากนั้นยังมีกลิ้นหอมของปลาหมึกและซอสน้ำมันมะกอกสูตรพิเศษ ตัดกับรสเปรี้ยวของมะเขือเทศสดๆ เคียงด้วยมันฝรั่งบด จานนี้แค่ได้สัมผัสความละมุนของปลาหมึกแต่ละชิ้นก็สุดคุ้มแล้ว

Barbequed roasted octopus on heirloom tomato, Kalamata olives and potato confit salad with green peas cream and extra virgin olive oil dressing.
Millefoglie di noci con mascarpone e crema di mango
มาถึงขนมหวานกัน เราเลือกเอาเมนูที่ดูแปลกใหม่ที่สุดมาลอง พุดดิ้งมะม่วงราดด้วยซอสเบอรี่และเบอรี่สดๆ รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆเช่นเค้กฮาเซลนัท ถูกใส่มาในถ้วยเล็กๆ ก่อนจะปิดด้วยด้วยช้อคโกแลตที่เขียนด้านบนว่า Scalini เวลาจะเซิร์ฟ พนักงานจะใส่ช้อนเคาะเอาฝาช้อคโกแลตด้านบนให้แตก กลิ่นหอมสดชื่อจากเบอรี่จะโชยออกมาให้เราได้สัมผัสความหอมเย้ายวนนั้น รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี ทั้งยังหอมสดชื่อจากเบอรี่และฮาเซลนัท ถือว่าเป็นขนมหวานที่ช่วยล้างกลิ่นคาวออกจากปากและปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างน่าประทับใจ

Italian hazelnut mille-feuille with mascarpone cream, mango pudding served with wild forest berries consommé.
ยังมีเมนูใหม่อื่นๆอีกหลายเมนูที่เราได้ลองชิม แต่จะอร่อยแค่ไหนนั้น ท่านต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง ณ ห้องอาหาร Scalini โรงแรม Hilton Sukhumvit กรุงเทพ
ตัวอย่างเมนูใหม่อื่นๆที่น่าสนใจ
Scalini, Hilton Sukhumvit Bangkok
Lunch : 12:00 – 14:30 hrs.
Dinner : 18:00 – 23:00 hrs.
Weekend A La Carte Brunch
Every Sat – Sun : 12:00 – 15:00 hrs.