เชฟต้น Executive Chef & Certified Sommelier ณ ห้องอาหาร Le Du
แรงบันดาลใจในการทำอาหารของเชฟต้นได้มาจากความประทับใจในรสชาติอาหารของคุณยาย เขาเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อสานต่อความฝันในการเป็นเชฟ และเรียนจบจาก The Culinary Institute of America ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งในชั้นเรียน หลังจากจบการศึกษา เชฟต้นได้มีโอกาสเข้าร่วมงานกับร้านอาหารระดับ Michelin Star ใน New York City อาทิ Eleven Madison Park, The Modern และ Jean Georges นอกจากนี้เขายังมีความสนใจอย่างมากในเรื่องของไวน์ และได้รับใบประกาศนียบัตรของ Sommelier (CS) จากองค์กร the Court of Master Sommelier ขณะที่เขายังอยู่ใน New York City อีกเช่นกัน
นับเป็นโอกาสดีในช่วงครบรอบ 2 ปีแห่งความสำเร็จของ Le Du วันนี้ Where To Fin ได้ลิ้มลองเมนูไฮไลท์ ซึ่งที่นี่จะนำเมนูยอดนิยมในแต่ละฤดูมารวมเป็น Special Hightlight Menu ในช่วงสิ้นปีนั่นเอง มาดูกันว่ามีเมนูน่าสนใจอะไรรอคุณอยู่บ้าง นี่คือตัวอย่างเมนูที่เราขอแนะนำให้คุณมาลองรับประทานดูสักครั้ง
Watermelon, yogurt-mint gel, snakehead fish ice cream, shallot snow
“ต้มข่าไก่” ตัวแทนของฤดูหนาว จะเรียกว่าต้มก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะ Le Du เสิร์ฟเนื้อไก่แบบ dry แล้วค่อยราดซอสต้มข่าไก่ทีหลัง เนื้อไก่นุ่มหอมกลิ่นเนย ซอสข่าไก่เปรี้ยวนำและออกหวานปนเค็มตาม เสิร์ฟคู่เห็ดกระดุมและผักชีฝรั่งทอดกรอบ เห็ดกระดุมอวบอ้วนนิ่มเด้งมาก ส่วนผักชีก็กรอบอร่อย เมนูนี้รสชาติกลมกล่อมออกเปรี้ยวๆมันๆ
Black Sesame Pudding, ginger ice cream, Thai waffle crumble
ถ้าบอกว่าเมนูนี้คือ “บัวลอยน้ำขิง” จะมีใครเชื่อหรือไม่? Le Du นำงาดำในเม็ดบัวลอยไปสร้างสรรค์เป็นพุดดิ้ง ส่วนน้ำขิงนั้นนำไปปรุงเป็นไอศครีมแทน พุดดิ้งงาดำท็อปด้วยไอศครีมขิงและทองม้วน ตัดกับซอสราสเบอร์รี่เปรี้ยวๆ เป็นหนึ่งเมนูที่ให้สัมผัสแปลกใหม่มากทีเดียว!
เห็นอย่างนี้แล้ว ถ้าคุณอยากก้าวผ่านรสชาติความประทับใจของแต่ละฤดูในค่ำคืนเดียว อย่าลืมหาโอกาสแวะมารับประทานมื้อค่ำที่นี่ดูสักครั้ง โดยคุณสามารถจองโต๊ะที่ Le Du ผ่าน Where To Fin ได้แล้ววันนี้ ที่เบอร์ 02 254 9005
Map
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมจองโต๊ะกับ Where To Fin โทร 02-254-9005