อาหารฝรั่งเศสอาจไม่ใช่อาหารยอดนิยมสำหรับชาวกรุงเทพเช่นเดียวกับอาหารญี่ปุ่นหรืออาหารจีน แต่กรุงเทพกลับเป็นเมืองหนึ่งในมหานครของเอเชีย ที่มีห้องอาหารฝรั่งเศสชั้นยอดและมีชื่อเสียงเปิดให้บริการแก่นักชิมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอยู่มากมายหลายร้าน หนึ่งในห้องอาหารฝรั่งเศสอันดับต้นๆต้องมีชื่อของ J’AIME by Jean-Michel Lorain อยู่ด้วยเป็นแน่ และวันนี้ Great Gastro จะพาท่านไปสัมผัสความยอดเยี่ยมของ อาหารฝรั่งเศสโดย Chef Michelin Star 3 ดาว ที่ผสมผสานความหรูหราของรสชาติแบบดั้งเดิมและรูปแบบการนำเสนอสมัยใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
J’AIME (แฌม) เป็นห้องอาหารแห่งแรกในเอเชียของ Chef ระดับ Michelin Star 3 ดาว Chef Jean-Michel Lorain ทายาทตระกูล Lorain ที่ขึ้นชื่อเรื่องศิลปะการปรุงอาหาร ผู้สืบทอดธุจกิจห้องอาหารและโรงแรม Côte Saint Jacques ในแคว้น Burgundy ประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับขนานนามจาก Christian Millau นักวิจารณ์อาหารฝรั่งเศสชื่อดังให้เป็น Chef of the Year ด้วยคะแนนสูงที่สุดถึง 19.5/20 ในปี 1993 และห้องอาหารแห่งนี้ยังครอบครอง 3 Michelin Star ยาวนานต่อเนื่องกันถึง 25 ปี อีกด้วย ในที่สุด Chef Jean-Michel Lorain และลูกสาวของเขา Marine Lorain ก็ได้ตัดสินใจขยายธุรกิจห้องอาหารมายังเอเชียเป็นครั้งแรก ณ โรงแรม Boutique สไตล์ City Resort ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพอย่าง U Sathorn Bangkok
J’AIME ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม U Sathorn ตัวร้านได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถันในคอนเซ็ปต์ Upside Down ที่ผสานความสวยงามแบบคลาสสิคของฝรั่งเศสและความแปลกตาล้ำสมัยของโลกยุคปัจจุบันเข้ากันไว้ได้อย่างลงตัว ห้องโถงขนากใหญ่โล่งโปร่งสบายด้วยกระจกที่เปิดรับแสงจากด้านนอกทั้งสองด้าน โต๊ะอาหารตั้งเรียงรายอยู่ทั่วห้อง ด้านหนึ่งมีบาร์เครื่องดื่มพร้อมเก้าอี้บาร์ทรงสูงตั้งอยู่ยาวตลอดบาร์ อีกด้านเป็นครัวแบบเปิดที่ท่านสามารถรับชมขั้นตอนการปรุงอาหารและความมีชีวิตชีวาของห้องครัวได้อย่างใกล้ชิด
กลางร้านมีเปียโนโปร่งใสประดับไฟติดอยู่เหนือเพดาน บนพื้นบริเวณนี้เป็นพื้นกระจกสะท้อนภาพเปียโนบนเพดานลงมาเกิดเป็นภาพบนพื้น เป็น Center Piece ที่สร้างความตื่นตาให้กับแขกทุกท่านที่มาเยือน
โต๊ะอาหารมีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบโต๊ะกลมที่เหมาะกับท่านที่มารับประทานอาหารกันแบบโรแมนติก หรือโต๊ะสี่เหลี่ยมที่สามารถต่อกันได้สำหรับการรับประทานอาหารแบบครอบครัวใหญ่ J’AIME ยังมีห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับแขกได้ถึง 12 – 14 ท่าน รวมทั้งระเบียงด้านนอกสำหรับท่านที่อยากนั่งรับประทานอาหารพร้อมรับลมธรรมชาติ
การจัดโต๊ะอาหาร J’AIME ได้รับการวางคอนเซ็ปต์ให้เป็นห้องอาหารฝรั่งเศสที่สวยงาม ผ่อนคลาย สามารถมารับประทานได้ทุกวัน บนโต๊ะจึงจัดวางเครื่องใช้แบบง่ายๆและให้พนักงานคอยเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆบนโต๊ะตามคอร์สอาหารแทน ตรงกลางโต๊ะยังมีจานหมุนแบบภัตตาคารอาหารจีนตั้งอยู่เพื่อความสะดวกสำหรับท่านที่สั่งอาหารทานแบบ A La Carte และต้องการลิ้มลองอาหารแต่ละจานร่วมกัน ปริมาณอาหารเมื่อสั่งแบบ A La Carte เองก็มีขนาดที่ใหญ่เหมาะกับการรับประทานร่วมกันแบบครอบครัวตามธรรมเนียมของชาวตะวันออกได้ นับเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ Jean-Michel นำมาประยุกต์เข้ากับความหรูหราของอาหารฝรั่งเศสได้อย่างชาญฉลาด
ในส่วนของอาหาร Jean-Michel ส่งมือขวาของเขา Chef Amerigo Tito Sesti มาเป็นผู้ดูแล ควบคุมคุณภาพและความสวยงามของอาหารทุกจาน และยังส่งลูกสาวผู้มากความสามารถ Marine Lorain มาเป็นผู้จัดการร้าน คอยดูแลการบริการและต้อนรับแขกอย่างมีระดับ ซึ่งนอกจากเมนูที่ Chef Jean-Michel Lorain สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่สำหรับ J’AIME แล้ว ยังมีเมนูที่คัดสรรจากเมนูชั้นยอดของ Côte Saint Jacques ห้องอาหารระดับ 3 Michelin Star มาให้ท่านได้มีโอกาสลิ้มลอง ณ ห้องอาหารแห่งนี้ โดยไม่ต้องไปไกลถึง Burgundy
วันนี้ Chef Amerigo จะนำเสนอ Set Menu ชุดใหม่ 5-Course Degustation Menu ที่มากับเมนูอาหารใหม่ประจำฤดูกาลนี้ ให้เราได้ลิ้มลองกัน พร้อม Wine Pairing ที่ได้ Sommelier ฝีมือดีมาคัดสรรไวน์ชั้นยอดจาก Wine Cellar ของร้าน เพื่อดื่มคู่กับอาหารแต่ละจานอย่างลงตัว
ก่อนเริ่มรับประทานอาหาร พนักงานเริ่มให้บริการขนมปังที่มีให้เลือก 3 แบบ และอบสดใหม่จากครัวของ J’AIME พร้อมเนยโฮมเมดหอมมัน
ต่อด้วย Amuse Bush เรียกน้ำย่อยกัน เป็นเยลลี่เย็นๆข้างในมีชิ้นเนื้อเป็ดฝอยกระจายอยู่ได้กลิ่นหอมและสัมผัสพิเศษ
Creamy garlic soup with potato confit and chili bavarois
คอร์สแรกเป็นซุปกระเทียมสูตรพิเศษ บริการด้วยการเสิร์ฟถ้วยซุปเปล่าที่จัดเรียงมันฝรั่งชิ้นเล็กๆไว้อย่างสวยงาม วางท็อปด้านบนมาด้วยพริกที่นำมาทำเป็น bavarois เป็นครีมสีออกแดงหอมพริกเล็กน้อยแต่ไม่มีรสชาติเผ็ดมากนัก พนักงานจะนำกาใส่น้ำซุปมาค่อยๆเทลงในถ้วยนั้น ซุปกระเทียมร้อนๆค่อยๆไหลรินลงไปในถ้วยสัมผัสกับอากาศส่งกลิ่นหอมหวลชวนทานลอยมาแตะจมูก เมื่อตักน้ำซุปเข้าปากจะได้รสชาติของครีมซุปรสออกเค็มที่มีกลิ่นหอมของกระเทียมอันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนในทุกๆคำ ส่วนของมันฝรั่งและ chili bavarois เมื่อแช่อยู่ในน้ำซุปร้อนๆก็จะให้สัมผัสที่อ่อนนุ่มขึ้น ช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสให้ซุปครีมจานนี้ ความพิเศษของซุปจานนี้ยังไม่หมด ตัวกระเทียมที่ใส่มาในถ้วยซุปยังให้สัมผัสที่นุ่มละเอียดและไม่มีกลิ่นฉุนเลยแม้แต่น้อย เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่กระตุ้นทั้งความอยากอาหาร และ ประสาทสัมผัสต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม
Tuna tartare with marinated eggplant, tomato gel and spicy cucumber bubbles
เป็นเมนู Tartare ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ทำจากเนื้อปลาทูน่าสดใหม่หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆผสมกับแตงกวาสับละเอียด ที่ใส่น้ำมันมะกอกชั้นดีลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ได้รสชาติของเนื้อทูน่าที่สดชื่นชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมากับเครื่องเคียงหลากหลาย ที่ล้วนปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน เช่น เจลมะเขือเทศสีแดงใสรสเปรี้ยว เนื้อมะเขือม่วงหมักกับน้ำมันมะกอกและซอสสูตรพิเศษให้รสเปรี้ยวอมหวานและสัมผัสหนาแน่นชุ่มฉ่ำด้านใน และ ซอสโฟมที่หอมกลิ่นแตงกวาเพิ่มความสดชื่นและมีรสเผ็ดเล็กน้อย รับประทานร่วมกันจะได้รสชาติเปรี้ยวออกหวานที่สดชื่นด้วยเนื้อปลาทูน่าและแตงกวา
Foie gras royale served with gac fruit declination and almonds
จานนี้เป็นฟัวกราส์ที่บดจนเนื้อละเอียดเนียนเป็นครีมข้นๆ มีรสชาติและกลิ่นหอมชัดเจน เคลือบด้วยเจลลี่ Gac Fruit (ฟักข้าว) ผลไม้ที่มีสารเบต้าแคโรทีนสูงกว่าแครอทถึง 10 เท่า รสชาติหวานสดชื่นคล้ายมะละกอดิบแต่ออกเปรี้ยวเล็กน้อย เสิร์ฟกับ gac fruit ที่ทำเป็นแยมข้นๆ และ อัลมอนด์บดเสริมสัมผัสกรุบกรอบ รับประทานคู่กับขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆ ฟัวกราส์ด้านในหวานนุ่มชุ่มคอกลิ่นไม่หอมรุนแรงจนเกินไปประกอบกับได้รสชาติเปรี้ยวๆอ่อนๆของ Gac Fruit ช่วยให้ไม่รู้สึกเลี่ยนตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย
เมนูเรียกน้ำย่อยทั้งสองจานนี้เสิร์ฟ pairing กับไวน์ขาวจาก New Zealand อย่าง Lightband, Gewürztraminer, 2011 ที่ให้ความสดชื่น ดื่มง่าย คล่องคอ กลิ่นหอมวานิลลา และ ดอกกุหลาบอ่อนๆ เมื่อทานคู่กับ Tuna Tartare จะช่วยเสริมกลิ่นหอมดอกไม้และความสดชื่น แต่เมื่อดื่มเคล้ากับฟัวกราส์จะช่วยทำให้เข้มข้นน้อยลงและเสริมความชุ่มฉ่ำรับประทานได้คล่องคอมากยิ่งขึ้น
ต่อมาเป็นจาน Main Course ที่มีให้ท่านเลือกรับประทาน 3 เมนู ซึ่งในวันนี้เราได้ลิ้มลองครบทุกเมนู อันได้แก่
Squid ink bread-crusted red mullet with sweet and sour ratatouille
เนื้อปลา red mullet (ปลากระบอก) ชิ้นใหญ่ วางมาบนซอส ratatouille รสออกเปรี้ยวหวาน เสิร์ฟคู่ปลาหมึกยัดไส้ ไฮไลท์ของจานนี้อยู่ที่เนื้อปลาส่วนหนังกรอบรสออกเค็มเล็กน้อย ส่วนเนื้อนุ่มเนียนละลายในปากมีน้ำมันจากเนื้อปลาแทรกอยู่จนชุ่ม ทานคู่กับ ratatouille รสเปรี้ยวๆยิ่งกลมกล่อมเข้ากันได้ดี ส่วนปลาหมึกยัดไส้เนื้อนุ่มไม่เหนียวไส้ในหอมเครื่องเทศรสออกเค็มหน่อยๆช่วยเสริมกลิ่นอายของทะเลได้ ในเรื่องของรสสัมผัสยังเสริมความกรุบกรอบด้วยแผ่นแป้งกรอบที่ผสมหมึกของปลาหมึกยักษ์ลงไปจนมีสีดำ จัดวางอย่างสวยงามบนเนื้อปลา
Pan-seared beef fillet served with wild mushrooms and pumpkin
เนื้อวากิวชั้นยอด ย่างมาแบบ medium-rare จนนุ่มชุ่มฉ่ำละลายในปาก ราดซอสเกรวี่รสเค็มหอมกลิ่นเนื้อชัดเจน เสิร์ฟมาคู่กับเห็ดป่าที่ทำเป็นทาร์ตผิวด้านบนเป็นสีเขียวเข้มคล้ายสนามหญ้า ด้านในหอมเห็ดป่าเป็นพิเศษ และ ฟักทองอบหั่นลูกเต๋ารสหวานหอมเสริมความมันให้กับตัวเนื้อเมื่อทานคู่กัน
Crispy pork belly with onion declination
หมูกรอบเสิร์ฟคู่กับซอสรสออกหวานสไตล์ฝรั่งเศส เนื้อหมูนุ่มหวานฉ่ำ ส่วนหนังกรอบให้กลิ่นหอมพิเศษ มีชั้นไขมันแทรกอยู่กำลังดีเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเนื้อและเมื่อกัดเข้าปากน้ำมันจะแตกกระจายให้กลิ่นเนื้อหมูหอมอวลอยู่ในปาก ด้านบนมีหัวหอมทอดกรอบชิ้นเล็กๆวางอยู่ ช่วยเพิ่มความหอมและให้รสสัมผัสหลากหลายยิ่งขึ้น เป็นเมนูหมูกรอบที่คล้ายอาหารจีนแต่ซ่อนกลิ่นและรสที่แตกต่างเอาไว้ ต้องพิสูจน์
เมนูเนื้อจะเสิร์ฟคู่กับไวน์แดงซึ่ง Sommelier เลือกไวน์ฝรั่งเศสระดับเยี่ยมยอดอย่าง Château La Garelle, Saint-Émilion, Grand Cru, 2009 ไวน์แดงดื่มง่าย ที่รสชาตินุ่มนวลแต่หนักแน่น หอมกลิ่นเชอร์รี่อ่อนๆ ช่วยให้อาหารทุกจานรสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น
Mille-feuille “Napoleon” / Rose ice cream in crystallized rose petals / Earl Grey and chocolate tart
ของหวานจานพิเศษที่รวมที่สุดของขนมหวาน 3 ตัวของ J’AIME มาไว้ในจานเดียว ตัวแรกเป็นของขึ้นชื่อของฝรั่งเศสอย่าง Mille-feuille ที่ด้านในมีครีมสูตรพิเศษที่ทำจากครีม 3 ชนิดผสมเข้าด้วยกัน รสหวานกำลังดี กลิ่นหอมพิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แทรกอยู่ระหว่างชั้นของแผ่นแป้งที่วางสลับกันกับชั้นของอัลมอนด์กรอบบดละเอียด เป็น Mille-feuille ที่สร้างเลเยอร์ของรสชาติและรสสัมผัสไว้ได้อย่างงดงาม ตัวที่สองเป็นไอศกรีมกุหลาบที่หอมหวลโดดเด่นเป็นพิเศษรสออกหวานอ่อนๆสดชื่น เสิร์ฟคู่กับกลีบกุหลาบอบกรอบเคลือบน้ำตาลที่จัดซ้อนกันเสมือนเป็นดอกกุหลาบจริงๆ สุดท้ายเป็น chocolate tart สอดไส้ earl grey เนื้อครีมช็อคโกแลตเข้มข้นหวานจัด ด้านล่างเป็นชั้นของครีม earl grey หวานน้อยกว่าแต่หอมกลิ่นชาชัดเจน รับประทานคู่กันแล้วลงตัวกำลังดี
ยังมี Wine หวานที่เสิร์ฟมาคู่กับขนมหวานในแพคเกจ Wine Pairing ด้วย โดย Sommerlier จัด Bernardins, Muscat Beaumes De Venise, 2014 ไวน์รสหวานจัดแต่หอมกลิ่นองุ่นเขียวผสมเชอรี่ชัดเจน ดื่มง่ายไม่บาดคอ เข้ากันได้ดีเป็นพิเศษกับ Rose ice cream
ปิดท้ายด้วย Petit Four ที่เป็น Macaron โฮมเมด สูตรพิเศษของ J’AIME ที่ไม่หวานมาก แต่รสสัมผัสยอดเยี่ยม ผิวกรอบร่วน เนื้อในนุ่มแน่น จะสั่ง cocktails สูตรพิเศษของ J’AIME มาลิ้มลองคู่กันเพลินๆก็ได้
นับเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สมบูรณ์แบบและคุ้มค่ามาก กับ 5-Course Degustation Menu ที่ท่านจะได้ลิ้มลองรสชาติอันหลากหลาย สัมผัสของอาหารที่เข้ากันอย่างลงตัว กลิ่นหอมสุดพิเศษ คู่กับไวน์ชั้นยอด ผ่านพลังสร้างสรรค์ของเชฟระดับ Michelin Star 3 ดาว ที่เป็นรู้จักดีในวงการอาหารทั่วโลกอย่าง Jean-Michel Lorain ในบรรยากาศที่หรูหราแต่อบอุ่นเป็นกันเอง พร้อมการบริการชั้นยอดจากพนักงานที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีโดย Marine Lorain ลูกสาวคนสวยของ Chef Jean-Michel Lorain
“J’AIME จึงเป็นดั่ง “ที่รัก” ของ ทั้งตัวเจ้าของร้านเอง พนักงาน และแขกทุกท่านที่มาเยือน ตามความหมายอันแสนพิเศษของชื่อร้านนั่นเอง”
GALLERY
New 5-course Degustation Menu
J’AIME by Jean-Michel Lorain @ U Sathorn Bangkok
Lunch from 12:00 – 14:30 hrs.
Dinner from 18:00 – 22:30 hrs.
THB 2399 net including tea and coffee. Additional THB 1600 net for wine pairing
Set Menu and A La Carte available.
