La Scala หนึ่งในห้องอาหารอิตาเลียนที่เปิดให้บริการ และ นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารเหนือระดับแก่ชาวกรุงเทพและผู้มาเยือน มาเป็นเวลานาน กลับมาให้ท่านสัมผัสกันอีกครั้งหลังจากการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ พร้อมแล้วที่จะสานต่อตำนานแห่งอาหารอิตาเลียนรสชาติต้นตำรับ ณ ใจกลางมหานครกรุงเทพ โรงแรม The Sukhothai Bangkok


La Scala ในรูปโฉมใหม่นั้นถูกออกแบบให้สะท้อนความงดงาม หรูหรา วิจิตรบรรจง ของสถาปัตยกรรมและศิลปะในแบบของอิตาเลียนร่วมสมัย ให้บรรยากาศคล้ายกับห้องรับประทานอาหารของชาโตอันยิ่งใหญ่งดงามในประเทศอิตาลี แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ La Scala
ตั้งแต่ส่วนต้อนรับผนังหินอ่อนสีขาวลายเทา ที่ประดับประดาไปด้วยรูปพร้อมลายเซนต์ของเชฟชื่อดังที่เคยมาร่วมสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับโลก ณ ห้องอาหารแห่งนี้
ส่วนของครัวแบบเปิดโล่งที่ย้ายที่ตั้งจากตรงกลางร้านมาอยู่บริเวณด้านข้างของทางเข้า พร้อมตกแต่งใหม่ให้สวยงามยิ่งขึ้นด้วยเคาเตอร์หินสีดำ ตัดกับผนังโมเสคสีทองอ่อนและเข้ม จัดวางเป็นลวดลายของพระอาทิตย์ฉายแสงระยิบระยับ เสาไม้สีเข้มฉลุลาย และ โคมไฟแก้วคริสตัลประดับอยุ่เหนือส่วนเตรียมอาหาร ซึ่งท่านจะได้รับชมทุกขั้นตอนการเตรียมอาหารแต่ละจาน ผ่านห้องครัวโฉมใหม่อันงดงามที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของงานครัวชั้นยอดโดยทีมเชฟแห่ง La Scala ที่นำโดย Chef David Tamburini
เตาอบฟืนไม้แบบอิตาเลียนดั้งเดิม กลับมาพร้อมผนังหินอ่อนสีขาวแบบเดียวกับบริเวณส่วนต้อนรับ พร้อมกับเคาเตอร์เตรียมอาหารสีดำและผนังกระจกใสบานใหญ่กั้นระหว่างส่วนของเตาอบและห้องรับประทานอาหาร


ระเบียงด้านนอกยังคงเปิดให้ท่านเลือกรับประทานอาหารในบรรยากาศผ่อนคลายริมสระว่ายน้ำได้เช่นเดิม แต่มาพร้อมกับวิวสระว่ายน้ำโฉมใหม่ที่มาในโทนสีเขียว สบายตา และบริเวณพื้นที่ซึ่งขยายเปิดโล่งมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของห้องรับประทานอาหารนั้นได้ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ด้วยพื้นหินอ่อนสีครีม ผนังปูนสีขาว เจาะช่องระหว่างเสาที่สะท้อนตัวโครงสร้างดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม The Sukhothai Bangkok เสาไม้สีเข้มฉลุลาย ชุดโต๊ะรับประทานอาหารไม้สีเข้มกับเก้าอี้โซฟาสีน้ำตาลอ่อน พร้อมชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่เน้นสี ดำ และ แดง ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ La Scala ได้อย่างงดงามลงตัว


การกลับมาของ La Scala ในครั้งนี้ยังนำเสนอห้องรับประทานอาหารส่วนตัว ที่รับรองแขกได้ 8 ท่าน และบาร์เครื่องดื่มที่มาพร้อมเคาเตอร์หินสีดำและตู้ไวน์เซลล่าโลหะสีบรอนทองซึ่งเก็บไวน์อิตาเลียนชั้นยอดไว้ให้ท่านดื่มคู่กับอาหารจานโปรด รวมถึงเครื่องดื่ม Signature Cocktails เมนูใหม่ ที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ La Scala โดย Head Mixologist Roberto Cuda ยอดฝีมือชาวอิตาเลียนที่พึ่งเข้าร่วมทีมกับ The Sukhothai Bangkok ได้ไม่นานนี้


นอกจากบรรยากาศใหม่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็น La Scala ดั้งเดิม แล้ว เมนูอาหารยังได้รับการแต่งเติมเสริมสีสันให้ทันสมัยและคงเสน่ห์ในแบบอิตาเลียนต้นตำรับในสไตล์ของ Chef David Tamburini ที่แน่นอนว่าจะทำให้ท่านประทับใจมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
เริ่มต้นมื้ออาหารกับรายละเอียดการบริการที่เหนือระดับยิ่งขึ้น ตั้งแต่เมื่อท่านเริ่มนั่งลงที่โต๊ะอาหาร พนักงานจะนำขนมปังแผ่นกรอบบางรูปใบไม้ 3 ชนิด ที่จัดเรียงมาบนชั้นวางรูปต้นไม้ที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ La Scala โดยเฉพาะ ต่อด้วยการนำเสนอเมนูที่เต็มไปด้วยอาหารอิตาเลียนต้นตำรับที่เชฟ David สร้างสรรค์ขึ้นโดยยึดเทคนิคการปรุงและคงรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ เป็นรสชาติแบบเดียวกับที่อิตาลี แต่มีการดัดแปรงการนำเสนอให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น
เมื่อท่านได้สั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย พนักงานจะนำเอารถเข็นที่เต็มไปด้วยขนมปังอบสดใหม่ร้อนๆ หลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น Crostini bread, Sesame bread, และอื่นๆ มาแนะนำให้ท่านเลือกรับประทาน พร้อมกับน้ำมันมะกอกชั้นดี ที่เชฟเดวิดเลือกเอาเข้ามาจากอิตาลีเพื่อให้บริการที่ La Scala


เมื่อการปรุงอาหารใกล้เสร็จ ก่อนเริ่มรับประทาน พนักงานจะนำ Amuse Bouche มาเสิร์ฟก่อน โดยเมนูจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามวัตถุดิบของฤดูกาลนั้นๆ Amuse Bouche ที่นี้ก็ไม่ได้เสิร์ฟเพียงเมนูเดียว โดยในวันนี้เสิร์ฟเป็น Egg York, Parmesan Cheese & Beet Root เมนูก่อนมื้ออาหารรสชาติจัดจ้านที่โดดเด่นด้วยอะโรม่าของพาเมซานชีสและรสเค้มๆของชีสและสัมผัสครีมๆมันๆของไข่แดง เสริมรสเปรี้ยวอ่อนๆด้วยซอสบีทรูทสีแดงสด เสิร์ฟมาในเปลือกไข่ที่จัดวางมาในตระกร้าหวายแบบปิคนิค
อีกตัวเป็นเมนูที่ดัดแปลงจากซิคเนเจอร์ของอาหารอิตาลีอย่างพิซซ่า ที่นำมาดัดแปลงให้เป็นเมนูฟิงเกอร์ฟู้ดทานง่ายในคำเดียว กับแป้งพิซซ่าทอดจนเหลืองกรอบ ราดด้านบนด้วยซอส Spicy Nduja Salami รสเผ็ดออกเปรี้ยวเสริมรสชาติ
Tonno e Cipolla
Tuna Belly Tartare in onion and basil essence, sundried datterino tomatoes, capers, baby cucumbers
เริ่มอาหารจานแรกกันด้วยความนุ่มละมุนละลายในปากของเนื้อปลาทูน่า ที่เชฟเลือกใช้ส่วนพุงปลามาสับละเอียดทำเป็น Tartare แล้วห่อทับด้วยเนื้อปลาทูน่าที่แร่เป็นแผ่นบางๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวหลากชนิด ทั้ง หัวหอม ใบโหระพา มะเขือเทศ Datterino ตากแห้ง แตงกวาอ่อน และ เคเปอร์ พนักงานจะนำน้ำซอสที่ทำจากหัวหอมและใบโหระพา รสเค็มออกเปรี้ยวเล็กน้อยมาราดลงในจานขณะเสิร์ฟที่โต๊ะ โดยรวมจานนี้เป็นเมนูที่เชฟชูรสชาติและสัมผัสอันโดดเด่นของเนื้อปลาทูน่า ในสไตล์ของอาหารอิตาเลียนแบบต้นตำรับ


Astice Alla Trapanese
Sauteed Blue Lobster, Bread crumbs panzanella, almond curd, tomato tartare
จานถัดมาเป็นเนื้อ Blue Lobster ที่ผัดมาในน้ำมันน้อยๆจนเนื้อสุกทั่ว แน่นๆกรุบๆ ราดด้วยน้ำซอสที่ทำจากส่วนอื่นๆของ Lobster รสออกเค็มคล้าย Lobster Bisque หอมกลิ่นอะโรม่าสดชื่นของท้องทะเลชัดเจน เสิร์ฟมาคู่กับขนมปังที่ฉีกเป็นชิ้นๆแล้วชุบในน้ำซอส Lobster ก่อนจะอบอีกครั้งให้ซอสเคลือบและซึมซับเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบด้วยอัลมอนด์ เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่มีรสชาติอ่อนๆแต่มาพร้อมอะโรม่าที่ชัดเจนหอมหวนชวนรับประทานเป็นอย่างยิ่ง


Gallina rifatta al tartufo e verdure invernall
Onion stuffed chicken terrine, braised autumn vegetables, morl mushrooms and black truffle zabajone
นี่เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยอีกจานที่ท่านไม่ควรพลาด หลังจากสองจานแรกเชฟพาเราไปสัมผัสกับรสชาติอาหารอิตาเลียนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายทะเลกันมาแล้ว จานนี้เชฟจะพาเราไปรื่นรมย์กับกลิ่นหอมของธรรมชาติในป่ากันบ้าง กับ เทอรีนเนื้อไก่ผสมฟัวกราส์และเพิ่มกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลเข้าไป จากนั้นยัดใส่ไปในหัวหอมลูกใหญ่ที่เอาแกนกลางออกแล้ว ก่อนจะนำเข้าไปอบจนสุก ได้รสหวานของหัวหอมที่ซึมซับลงไปในตัวเทอรีน เสิร์ฟมาคู่กับ jerusalem artichoke ที่อบกับเนยสูตรพิเศษจนมีกลิ่นหอมคล้ายกับกลิ่นอบควันเทียนในตำรับอาหารไทย และเห็ดมอแรลที่มีกลิ่นหอมและสัมผัสเฉพาะอันโดดเด่น


Linguine limone e scampi e cagliata de mandorla
Linguine cooked in lemon leaf with infused fish essence, langoustine and almond “Cheese”
มาถึงเมนูพาสต้า เชฟนำเสนอเมนูพาสต้าสูตรดั้งเดิมของอิตาลีที่นำเอาพาสต้าเส้นแบนอย่าง Linguine มาผัดกับน้ำสต็อกที่ได้จากเนื้อสัตว์ทะเลและ scampi หรือ ล็อบสเตอร์ตัวเล็ก จนได้พาสต้าที่ตัวเส้นมีสัมผัสกรุบๆเล็กน้อยพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นชวนให้นึกถึงบรรยากาศริมทะเล ก่อนจะปิดท้ายด้วย Almond Milk Cheese สูตรเฉพาะของ La Scala ที่เชฟจะนำมาฝนลงไปในจานพาสต้าตอนที่นำมาเสิร์ฟ ตัวชีสนี้ช่วยทำให้เมนูพาสต้าจานนี้มีความครีมมี่และได้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น
Ravioli rucola e parmigiano al burro bianco
Parmigiano reggiano 24 months old and rocket ravioli, Sour white butter
เมนูพาสต้าจานที่สองเป็น Ravioli ไส้ชีสที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอมของชีส ซึ่งตัวชีสที่เชฟนำมาใช้นี้เป็น Parmesan Cheese อายุ 3 ปี นำมาผสมรวมเข้ากับผักร็อคเก็ตทำเป็นตัวไส้ ก่อนจะห่อและต้มออกมาเป็นราวิโอรีที่ตัวแป้งมีสัมผัสกรุบๆแบบอิตาเลียน เสิร์ฟคู่กับ Parmesan Cheese ทอดกรอบ ส่วนตัวซอสที่ราดเคลือบอยู่บนตัวริวิโอรีทำมาจากเนยรสออกเปรี้ยวเล็กน้อย ช่วยชูรสของราวิโอรีและไส้ที่ออกรสเค็มอ่อนๆได้เป็นอย่างดี


Triglie rosse e fagioli
Mediterranean red mullet cooked at the salamander, marinated frisee salad, cannellini beans “furmetto”
ต่อกันที่เมนูเมนคอร์สจานปลา เชฟนำเสนอ Red Mullet ที่เซียมาจนสุกรสชาติออกเค็มมีสัมผัสแน่นหนึบเป็กเอกลักษณ์ เสิร์ฟกับซอสถั่วขาวที่มีกลิ่นหอมของถั่วเป้นตัวชูโรงกับสัมผัสร่วนๆที่ซ่อนอยุ่ในเนื้อครีมซอส เครื่องเคียงเป็นสลัด frisée และสาหร่าย เป้นเมนูที่มีกลิ่นอายของอาหารแถบ Mediterranean อย่างชัดเจน


Agnello caci e ova e rapini ripassati
Roasted lamb saddle, spicy sautéed radish, classic egg and cheese “Caci e Ova” dressing
อาหารหลักจานเนื้อ เป็นเป็ดอบที่ส่วนเนื้อมีรสสัมผัสนุ่มนวลรสชาติดั้งเดิมของเนื้อเป็ดและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่ครบถ้วน ชัดเจน ส่วนหนังกรอบรสออกเค็ม ทานคู่กันกับส่วนเนื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสิร์ฟมาคู่กับ red radish และซอสสูตรเก่าแก่ของอิตาลีที่ทำมาจากไข่แดง ปิดท้ายเมนูอาหารคาวได้อย่างดีเยี่ยม


Affogato al caffe
Tahiti Vanilla Ice cream in dark chocolate shell, white coffee foam
ในส่วนของเมนูของหวานเป็น Affogato สูตรพิเศษของ La Scala ที่ประกอบด้วยไอศกรีมวานิลลาที่อับมาในช็อคโกแลตทรงกลมครึ่งลูก วางมาบนเยลลี่รสกาแฟ ก่อนจะตกแต่งบริเวณผิวหน้าด้วยผงกาแฟหอมกรุ่น ปิดท้ายด้วยโฟมเนื้อนุ่มละมุนที่บีบลงไปตอนที่นำมาเสิร์ฟ เป็นเมนูของหวานที่กลมกลอม ไม่หวานจนเกินไป และมีสัมผัสที่สุดแสนพิเศษของเนื้อโฟมเป็นตัวชูโรง


นอกจากเมนูอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบรรดาลใจ ความมุ่งมั่น และ ความคิดสร้างสรรค์ของ Chef David Tamburini แล้ว La Scala โฉมใหม่ยังมาพร้อมกับเมนูเครื่องดื่ม Signature Cocktails ที่ Head Mixologist Roberto Cuda รังสรรค์ขึ้น ซึ่งเราได้ลิ้มลองกันในวันนี้สองเมนู


Americano with Foam
เป็น Cocktails ที่ดัดแปลงจากสูตรดั้งเดิมของอิตาลี เบสด้วย vermouth ผสมกับ Campari, Red Wine Reduction จากนั้นท้อปด้านบนด้วย Orange Prosecco Foam กลายเป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติและกลิ่นหอมคล้ายกับกาแฟอเมริกาโน้เย็น ที่ท้อปด้านบนด้วยฟองนุ่มๆรสเปรี้ยวเล็กน้อย
Grand Ma Fizz
ถัดมาเป็นเมนูที่ดัดแปลงมาจากคลาสสิคค็อกเทลอย่าง Gin Fizz ที่มีแรงบรรดาลใจมาจาก เครื่องดื่มแก้หวัดสูตรดั้งเดิมของอิตาลีที่เบสบนชา Chamomile รสเปรี้ยวอมหวาน มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของชา Chamomile เป็นสเน่ห์ เสิร์ฟมาในถ้วยชาพร้อมกาน้ำชา
เรียกได้ว่าการกลับมาของ La Scala ในครั้งนี้ หลังจากปิดปรับปรุงไปร่วมครึ่งปี คือ ประสบการณ์ใหม่ที่แฝงกลิ่นอายความคลาสสิคอันเป็นเอกลักษณ์ของ La Scala เอาไว้ สำหรับแฟนๆของ La Scala นี้คือร้านอาหารโปรดร้านเดิมที่มีความทันสมัยและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น สำหรับท่านที่ยังไม่เคยสัมผัส La Scala คือหนึ่งในสถานที่ที่ท่านสามารถสัมผัสความเป็นอิตาเลียนแบบดั้งเดิมผ่านทางอาหารและเครื่องดื่ม ได้สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
New La Scala
The Sukhothai Bangkok
Lunch from 12:00 – 15:00 hrs. (Last order 14:00 hrs.)
Dinner from 18:00 – 23:30 hrs. (Last order 22:00 hrs.)
Dress Code: Smart Casual
To make a reservation, please call 02 344 8888 Ext 8654